หมู่บ้านเถาเป่านำไปสู่การพัฒนาอย่างทั่วถึงในชนบทของจีน
บริเวณที่ตลาดอีคอมเมิร์ซจีนเติบโตเร็วที่สุดได้แก่ พื้นที่ชนบทของประเทศจีน ซึ่งจัดเป็นร้อยละ 40 ของประชากร มีรายได้จากการขายบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ 1.37 ล้าน ล้านหยวน หรือ 195,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 6 ล้าน ล้านบาท) ในปี 2561 เพิ่มขึ้นร้อยละ 30.4 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และเติบโตแซงหน้าอัตราการเติบโตรวมของตลาดอีคอมเมิร์ซในจีนซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 24
สิ่งที่น่าประทับใจเกิดขึ้นกับทั้งฝั่งผู้บริโภคและธุรกิจของประเทศจีน คือธุรกิจอีคอมเมิร์ซทำให้ประชากรในชนบทกลายเป็นผู้ประกอบการ โดยการขายสินค้าท้องถิ่นผ่านช่องทางออนไลน์ การเพิ่มขึ้นของรายได้ทำให้รูปแบบการบริโภคผ่านอีคอมเมิร์ซเติบโต ประชาชนเริ่มมองหาสินค้าที่ไม่มีวางขายที่ร้านขายของชำใกล้บ้าน
หมูบ้านเถาเป่าคืออะไร
ในปี 2552 ผู้ประกอบการออนไลน์จากชนบทจำนวนมากที่เปิดร้านค้าบนเถาเป่าเริ่มมีจำนวนเพิ่มขึ้นในประเทศจีนและถูกเรียกว่า “หมู่บ้านเถาเป่า” หมู่บ้านเกษตรกรรมแห่งแรกที่เริ่มใช้ช่องทางอีคอมเมิร์ซในสเกลขนาดใหญ่ คือหมู่บ้าน Dongfeng ในมณฑณเจียงซู ซึ่งกว่า 1,000 ครัวเรือนก้าวสู่เศรษฐกิจดิจิทัลโดยการผลิตเฟอร์นิเจอร์และขายสินค้าบนช่องทางออนไลน์อาลีรีเสิร์ช สถาบันวิจัยภายใต้อาลีบาบา ให้ความหมายกับหมูบ้านเถาป่าว่าเป็นหมู่บ้านที่สร้างรายได้ผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ 10 ล้านหยวนขึ้นไปต่อปีและมีร้านค้าบนเถาเป่ามากกว่า 100 ร้านที่ดำเนินการโดยประชากรท้องถิ่น
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในประเทศจีน
10 ปีที่ผ่านมา โมเดลหมู่บ้านเถาเป่าประสบความสำเร็จในวงกว้างและสร้างประโยชน์ให้กับประชากรในชนบทของจีนจำนวนครึ่งหนึ่ง ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีหมู่บ้านเถาเป่าจำนวน 4,310 หมู่บ้านใน 25 จังหวัด ที่มีประชากรชนบทอาศัยอยู่ 250 ล้านคน จากประชากรชนบททั้งหมด 564 ล้านคน อ้างอิงโดยข้อมูลจากอาลีรีเสิร์ช
ยอดขายออนไลน์ที่เกิดขึ้นจากหมู่บ้านและเมืองเถาเป่าซึ่งเป็นลักษณะของ township ที่มีสเกลใหญ่กว่าแต่ใช้โมเดลเดียวกันกับหมู่บ้านเถาเป่า สามารถสร้างรายได้ถึง 700 ล้านหยวนในรอบปีงบประมาณที่ผ่านมา (สิ้นสุดเดือนมิถุนายนปี 2562) ร้านค้าออนไลน์บนเถาเป่าเพิ่มขึ้นถึง 10 เท่าเป็น 660,000 ร้านค้า ในปี 2561 จากแค่ 70,000 ร้านค้าในปี 2557 อ้างอิงโดยอาลีรีเสิร์ช การเติบโตของหมู่บ้านเถาเป่าช่วยส่งเสริมสภาพทางเศรษฐกิจและสร้างงานในบริเวณที่กำลังพัฒนาของประเทศจีนผลวิจัยฉบับใหม่จากธนาคารโลกและอาลีรีเสิร์ชชี้ว่ารายได้ต่อครัวเรือนของหมู่บ้านเถาเป่าคิดเป็น 3 เท่าของรายได้ต่อครัวเรือนเฉลี่ยของประเทศจีนโดยรวมและมีมูลค่าเทียบเท่ากับรายได้ต่อครัวเรือนของประชากรเมือง
รายงานเผยว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซในชนบทนำไปสู่การบริโภคในครัวเรือนที่สูงขึ้น รวมไปถึงการลดช่องว่างทางรายได้ และการเพิ่มโอกาสด้านอาชีพของผู้หญิงและคนรุ่นใหม่
นอกจากโอกาสทางธุรกิจ หมู่บ้านเถาเป่าสามารถสร้างงานให้กับแรงงานรุ่นพ่อแม่และแรงงานอายุน้อยที่อาจจะเดินทางไปหางานในเมืองใหญ่ให้ทำงานในหมู่บ้านแทน ช่วยให้ครอบครัวและชุมชนเป็นหนึ่งเดียว ร้านค้าออนไลน์เหล่านี้ยังจ้างงานผู้หญิงที่ขาดโอกาสทางด้านอาชีพ หนึ่งใน 3 ของเจ้าของร้านค้าออนไลน์และพนักงานเกือบครึ่งในหมู่บ้านเถาเป่าเป็นผู้หญิง อ้างอิงจากรายงานจากธนาคารโลก
หมู่บ้านเถาเป่าได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการในประเทศกำลังพัฒนา ที่ต้องการนำโมเดลไปปรับใช้เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศของตน การประชุมหมู่บ้านเถาเป่าประจำปีซึ่งเป็นโอกาสให้กับผู้ประกอบการท้องถิ่นและนักวิชาการทั่วประเทศจีนแบ่งปันแนวทางปฏิบัติที่เป็นผลสำเร็จจากธุรกิจอีคอมเมิร์ซ มีจำนวนผู้เข้าร่วมจากต่างประเทศมากขึ้นจากประเทศกำลังพัฒนาอาทิ รวันดา เม็กซิโกและมาเลเซีย
ในขณะที่ประเทศไทยจัดเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการนำเอาโมเดลหมู่บ้านเถาเป่ามาปรับใช้ ในปีนี้ ลาซาด้าและกระทรวงพาณิชย์ริเริ่มโครงการที่ชุมชนในชนบท 5 แห่ง ในประเทศไทย ชุมชนเหล่านั้นถูกรับเลือกให้ฝึกอบรมและรับคำปรึกษาจากลาซาด้า เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าและยกระดับคุณภาพชีวิตในชุมชนเหล่านั้น
อนาคตของหมู่บ้านเถาเป่า
การพัฒนาของระบบอินเทอร์เน็ตพื้นฐานทั่วประเทศจีน การขายสินค้าท้องถิ่นผ่านการไลฟ์สตรีมบนช่องทางอีคอมเมิร์ซจะพลิกโฉมหน้าใหม่ของตลาดชนบท ผู้บริโภคจีนต้องการให้การจัดหาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับอาหารมีความโปร่งใสมากขึ้นและเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้เลือกผลิตภัณฑ์ที่ปลูกหรือผลิตจากท้องถิ่น การไลฟ์สตรีมที่เป็นช่องทางให้ชาวบ้านผู้ขายในชนบทเชื่อมต่อกับผู้บริโภคได้ทันที
ในขณะที่ผู้ประกอบการชนบทเชื่อมต่อกับผู้บริโภคผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ผู้ประกอบการได้เรียนรู้ผลตอบรับจากผู้บริโภค และนำมาปรับปรุงหรือพัฒนาสินค้านวัตกรรม กรณีตัวอย่าง ได้แก่ หมู่บ้าน Chaoyang Nanshi ในมณฑลเหอนานซึ่งเป็นเมืองทางวัฒนธรรมโด่งดังจากเครื่องกระเบื้องสามสีประจำราชวงศ์ถัง ธุรกิจเครื่องกระเบื้องในท้องถิ่นเริ่มหันมาทำกระจกหลังสำหรับรถยนต์หลังเรียนรู้จากเถาเป่าว่าผู้บริโภคมีความต้องการในตัวสินค้า
ในอนาคตร้านค้าในหมู่บ้านเถาเป่าจะสามารถขายสินค้าที่มีความหลากหลาย นอกจากสินค้างานฝีมือดั้งเดิมเพราะผู้บริโภคจีนมีความต้องการที่เปลี่ยนไป
แชร์
ก๊อปปี้ลิ้งค์