สง่างาม ท่ามกลางพายุกระหน่ำ: บททบทวนหนึ่งปีของอาลีบาบา

และแล้วเราก็เดินทางมาจนเกือบจะถึงหน้าสุดท้ายของปี 2565 อาลีบาบา กรุ๊ป เชื่อว่าทุกท่านคงผ่านเรื่องราวและประสบการณ์มากมายมาตลอดเส้นทาง สำหรับอาลีบาบาก็เช่นกัน ก่อนที่จะเปิดหน้าต่อไปสู่ปี 2566 อาลีบาบา กรุ๊ป จึงอยากทบทวนเรื่องราวอันน่าจดจำ และความทุ่มเทของเราต่อการสนับสนุนเศรษฐกิจดิจิทัลที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว

เมื่อมองย้อนกลับไปในปีที่ผ่านมา เราได้เห็นผลลัพธ์ใหม่ๆที่น่าสนใจกำลังปรากฎขึ้น ทั้งด้านความสามารถในการทำกำไร ความยั่งยืน และการกำกับดูแลกิจการ ที่เราคิดว่า “ควรค่าแก่การพิจารณาอีกครั้ง”

หลังจากพิจารณาผลการดำเนินงานของทุกหน่วยธุรกิจในอาลีบาบา กรุ๊ป เราได้เห็นผลสะท้อนการทำงานที่มีนัยสำคัญจาก: (1) ไช่เหนียว  (Cainiao) หน่วยธุรกิจด้านโลจิสติกส์ของอาลีบาบา กรุ๊ป ที่ครอบคลุมทั้งเครื่องบิน รถไฟ และรถยนต์ เพื่อส่งสินค้าไปถึงมือผู้บริโภค และ (2) กลุ่มธุรกิจคลาวด์คอมพิวติ้ง อาลีบาบา คลาวด์ (Alibaba Cloud) ที่ได้ทุ่มเทพัฒนานวัตกรรมอันมีจุดหมายเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการช้อปปิ้ง

และเหนือสิ่งอื่นใด อีกหนึ่งความสำเร็จที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้ คือ ความร่วมมือร่วมใจของทุกภาคฝ่ายทั่วทั้งระบบนิเวศเพื่อสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น ตลอดช่วงการระบาดใหญ่ในจีน

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงไฮไลท์บางส่วนจากปี 2565:

#1: อาลีบาบาดันผลกำไรพุ่ง และคืนให้ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย

อาลีบาบาบริหารจัดการธุรกิจได้เป็นอย่างดี แม้ท่ามกลางช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอน

อาลีบาบาบริหารจัดการธุรกิจได้เป็นอย่างดี แม้ท่ามกลางช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอน

ความสามารถในการทำกำไรหลักของอาลีบาบา เอาชนะการคาดการณ์ของวอลล์สตรีทในปี 2565 ได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากการควบคุมต้นทุน และการจัดการทรัพยากรอย่างระมัดระวังและมีประสิทธิภาพ

ธุรกิจของเราได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถฟื้นตัวได้แม้ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจมหภาคที่กำลังถดถอย การแกว่งตัวอย่างรุนแรงของตลาดการเงิน และความผันผวนทางภูมิรัฐศาสตร์ที่สร้างความตึงเครียดไปทั่วโลก

อาลีบาบายังคงมีรายรับจากช่วงสามเดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม และจากสองไตรมาสถัดมา เราจึงมีกระแสเงินสดเพียงพอให้สามารถเพิ่มการซื้อหุ้นคืนได้หนึ่งครั้งในเดือนมีนาคม และล่าสุดในเดือนพฤศจิกายน

“เรายังคงใช้แนวทางแบบองค์รวมเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานและต้นทุนให้เหมาะสมกับทั้งบริษัท” Toby Xu ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของอาลีบาบา กรุ๊ป กล่าวในเดือนพฤศจิกายน

ในขณะเดียวกัน เพื่อเพิ่มมูลค่าแก่ผู้ถือหุ้น อาลีบาบาได้เปิดเผยในเดือนกรกฎาคมว่าจะยกระดับสถานะของบริษัทในตลาดหุ้นฮ่องกง จากระดับผู้มีรายชื่อที่กำลังจะซื้อขายในตลาดฯ เป็นระดับบริษัทที่ได้รับการจดทะเบียนในตลาดฯ ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่าจะสามารถทำให้นักลงทุนรายย่อยในจีนแผ่นดินใหญ่มีสิทธิ์ซื้อขายในตลาดฮ่องกง

ด้วยความรอบคอบระมัดระวังในการบริหารตลอดทั้งปี นักวิเคราะห์ตลาดจากบริษัทที่ปรึกษาการเงินระดับโลกอย่าง Jefferies ได้ตั้งข้อสังเกตไว้ในเดือนพฤศจิกายนว่า อาลีบาบาอยู่ใน “จุดที่น่าสนใจ” ซึ่งประจวบเหมาะกับระยะที่เศรษฐกิจจีนกำลังฟื้นตัวอย่างกว้างขวาง หลังจากหยุดชะงักเพราะผลกระทบของการระบาดใหญ่มานาน

#2: Alibaba มียอดบัญชีผู้ใช้ในจีน ทะลุ 1 พันล้านคน เร็วกว่าการคาดการณ์

ผู้บริโภคชาวจีนต่างพากันวิ่งเข้าสู่ตลาดอีคอมเมิร์ซบนแพลตฟอร์มของอาลีบาบา

ผู้บริโภคชาวจีนต่างพากันวิ่งเข้าสู่ตลาดอีคอมเมิร์ซบนแพลตฟอร์มของอาลีบาบา

ตัวเลขรวมปีนี้ชี้ว่า อาลีบาบามีผู้ใช้งานต่อเนื่องในประเทศจีน มากกว่า 1 พันล้านคนต่อปี ซึ่งเป็นการเติบโตที่เร็วกว่าการคาดการณ์ก่อนหน้านี้

“ในช่วงปีบัญชีที่ผ่านมา เราบรรลุเป้าหมายที่จะส่งมอบบริการแก่ผู้บริโภคในประเทศจีนที่ใช้งานอย่างต่อเนื่อง มากกว่า 1 พันล้านคนต่อปี” Daniel Zhang ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอาลีบาบา กรุ๊ป กล่าวในจดหมายถึงผู้ถือหุ้นเมื่อเดือนกรกฎาคม ตัวเลขผู้ใช้ดังกล่าวยังไม่รวมลูกค้าต่างประเทศอีกกว่า 300 ล้านราย

อาลีบาบาได้ตั้งเป้าหมายนี้ไว้ตั้งแต่ปี 2562 ซึ่งตอนนั้นบริษัทมียอดผู้ใช้งานต่อเนื่องอยู่ที่ 730 ล้านคนในจีน และคาดว่าจะบรรลุเป้าหมาย 1 พันล้านคนภายในปีงบประมาณ 2567

ธุรกิจค้าปลีกในจีนของอาลีบาบา ครอบคลุมตลาดค้าปลีกในจีนเป็นหลัก รองลงมาคือธุรกิจสื่อดิจิทัลและความบันเทิง ตลอดจนธุรกิจด้านการบริการผู้บริโภคในท้องถิ่น

#3: Alibaba ลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ลง 620,000 เมตริกตัน

ไช่เหนียวเปิดตัวสถานีรีไซเคิล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันความยั่งยืนในวงกว้าง

ไช่เหนียวเปิดตัวสถานีรีไซเคิล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันความยั่งยืนในวงกว้าง

อาลีบาบาเผยว่า บริษัทสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ถึง 619,944 เมตริกตันในช่วง 12 เดือนจนถึงสิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม ที่ผ่านมาโดยการใช้แหล่งพลังงานที่สะอาดกว่า ซึ่งการลดลงนี้เทียบเท่ากับคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากครัวเรือนในสหรัฐฯถึง 12,915 ครัวเรือนในหนึ่งปี ตามรายงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ของบริษัท  

รายงาน ESG ถือเป็นการอัปเดตความคืบหน้าครั้งแรกของอาลีบาบา นับตั้งแต่ให้คำมั่นว่าจะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2573 และลดการปล่อยคาร์บอนลง 1.5 กิกะตันทั่วทั้งระบบนิเวศดิจิทัลภายในปี 2578

อาลีบาบา คลาวด์ ธุรกิจด้านคอมพิวเตอร์ของอาลีบาบา ได้ให้คำมั่นว่าจะบริหารศูนย์ข้อมูลทั้งหมดด้วยพลังงานสะอาดภายในปี 2573 ทั้งนี้ ข้อมูลจากช่วง 12 เดือนสิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคมระบุว่า 21.6% ของพลังงานที่บริษัทใช้เป็นพลังงานสะอาด

ไช่เหนียว ใช้ประโยชน์จากปัญญาประดิษฐ์เพื่อลดปริมาณวัสดุสำหรับผลิตบรรจุภัณฑ์ลง 15% โดยเฉลี่ย และคลังสินค้าของบริษัทยังได้ติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีกำลังผลิตสูงถึง 24.9 เมกะวัตต์ ซึ่งเทียบเท่ากับการลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ลง 16,000 เมตริกตัน ในช่วง 12 เดือนสิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม

ตั้งแต่เดือนมีนาคม อาลีบาบายังคงทุ่มเทสร้างระบบนิเวศที่ยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง เช่น อาลีบาบา คลาวด์ ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดและการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีคลาวด์เนทีฟ เพื่อทำให้มหกรรมช้อปปิ้งระดับโลก 11.11 ปีนี้ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด โดยมีการใช้ไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานสะอาดมากกว่า 32 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมงเพื่อรองรับมหกรรม 11.11 ซึ่งเพิ่มขึ้น 30% ต่อวันโดยเฉลี่ยจากปีที่แล้ว

#4: อาลีบาบามุ่งพัฒนาการกำกับดูแลกิจการอย่างต่อเนื่อง

ในเดือนสิงหาคม อาลีบาบาได้แต่งตั้ง Irene Yun-Lien Lee ประธานบริษัท Hysan Development และ Albert Kong Ping Ng อดีตประธานบริษัท Ernst & Young China ขึ้นรับตำแหน่งคณะกรรมการอิสระ เพื่อส่งเสริมการกำกับดูแลกิจการ

และก่อนหน้านี้ในเดือนมีนาคม บริษัทยังได้แต่งตั้ง Weijian Shan ให้เข้ารับตำแหน่งเดียวกัน ปัจจุบันนาย Shan ดำรงตำแหน่งผู้ควบคุม ผู้จัดการสินทรัพย์ ผู้อำนวยด้านการธนาคาร และประธานบริหารของกลุ่มบริษัทด้านการลงทุน PAG

“การแต่งตั้งสมาชิกคณะกรรมการอิสระชุดใหม่ถือเป็นส่วนหนึ่งของการปรับปรุงการกำกับดูแลกิจการอย่างต่อเนื่องของอาลีบาบา” ประธานจางกล่าวในเดือนสิงหาคม

ปัจจุบันสมาชิกคณะกรรมการของอาลีบาบา 7 ใน 12 คน เป็นกรรมการอิสระ และการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้เพิ่มจำนวนสมาชิกคณะกรรมการหญิงของอาลีบาบาเป็น 3 คน

#5: ไช่เหนียวขยายเครือข่ายโลจิสติกส์ในช่วงการระบาดใหญ่

ลิตเติ้ลดองกี้ส์ (Little Donkeys) ได้ส่งพัสดุในจีนไปแล้วกว่า 10 ล้านชิ้น

ลิตเติ้ลดองกี้ (Little Donkey) ได้ส่งพัสดุในจีนไปแล้วกว่า 10 ล้านชิ้น

ไช่เหนียวขยายเครือข่ายโลจิสติกส์อย่างต่อเนื่องในปีนี้เพื่ออำนวยความสะดวกในการจัดส่งพัสดุระหว่างการแพร่ระบาด

บริษัทได้เปิดตัวศูนย์กระจายสินค้าอัจฉริยะอัตโนมัติแห่งแรกในปากีสถาน ซึ่งสร้างขึ้นจากความร่วมมือกับ Daraz แพลตฟอร์มในเครือของอาลีบาบาในเอเชียใต้ ศูนย์กระจายสินค้าดังกล่าวสามารถรองรับพัสดุได้เฉลี่ย 420,000 ชิ้นต่อวัน

บริษัทยังได้ขยายเครือข่ายในละตินอเมริกาในปีนี้ด้วยการเปิดตัวศูนย์คัดแยกในเม็กซิโกและชิลีไปเมื่อต้นปี และสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคในเมืองเซาเปาโล ประเทศบราซิลเมื่อเดือนพฤศจิกายน โดยไช่เหนียวให้คำมั่นที่จะสร้างศูนย์กระจายสินค้า 9 แห่งและตู้ล็อกเกอร์อัจฉริยะ 1,000 แห่งในบราซิล ภายใน 3 ปีข้างหน้า

สำหรับตลาดภายในประเทศ ไช่เหนียวได้ขยายสาขา ไช่เหนียว โพสต์ (Cainiao Post) ซึ่งเป็นเครือข่ายในท้องถิ่น วิทยาเขต สถานีประจำหมู่บ้านในชนบท โดยข้อมูลจากไตรมาสสิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน จำนวนสาขาของไช่เหนียว โพสต์ มีเพิ่มขึ้นกว่า 20% เมื่อเทียบเป็นรายปี หรือมากกว่า 170,000 แห่ง

หุ่นยนต์ไร้คนขับของไช่เหนียวที่มีชื่อว่า “เสี่ยวหมานหลีว์” (Xiaomanlv) หรือ “ลิตเติ้ลดองกี้” (Little Donkey) ประสบความสำเร็จอย่างมากในปีนี้ โดยข้อมูลสิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคมระบุว่า พวกเขาได้จัดส่งพัสดุไปแล้วมากกว่า 10 ล้านชิ้น เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาการจัดส่งช่วง Last-mile ภายในประเทศ โดยตลอดช่วงมหกรรม 11.11 ของปีนี้ ตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคมถึง11 พฤศจิกายน “เสี่ยวหมานหลีว์” จัดส่งพัสดุได้มากเกือบสองล้านชิ้น เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากปีที่แล้ว

#6: อาลีบาบามีจำนวนรายการสินค้าในช่วง 11.11 หลากหลายที่สุดเป็นประวัติการณ์

มหกรรม 11.11 ปีนี้มีผลิตภัณฑ์หลากหลายที่สุดในประวัติศาสตร์ของงาน

มหกรรม 11.11 ปีนี้มีผลิตภัณฑ์หลากหลายที่สุดในประวัติศาสตร์ของงาน

อาลีบาบาได้ปิดฉากมหกรรมช้อปปิ้งระดับโลก 11.11 ไปอย่างสวยงาม พร้อมกับการที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงสุดเท่าที่เคยมีในเดือนพฤศจิกายนของทุกปี โดยแบรนด์ต่าง ๆ สามารถสร้างยอดขายได้ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว แม้ว่าจะมีอุปสรรคทางเศรษฐกิจและผลกระทบจากโควิดก็ตาม

อาลีบาบาได้สร้างมหกรรมค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งมีจำนวนรายการผลิตภัณฑ์มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของงาน โตแซงหน้าทั้ง Black Friday และ Cyber Monday รวมกัน

มหกรรม 11.11 ปีที่ 14 นี้ ถือเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จของแบรนด์ต่างๆ ซึ่งขยับตัวตามพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนไป Bain & Co ที่ปรึกษาของอาลีบาบาได้กล่าวว่า แทนที่จะไล่ตามการเติบโตด้วยวิธีลดราคา ซึ่งเริ่มดูน่าเบื่อและธรรมดาไปเสียแล้ว แบรนด์ต่างๆ หันมาใช้โปรแกรมสมาชิกของลูกค้าเพื่อสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี

ทั้งนี้ ต้องขอบคุณโปรแกรมสมาชิกบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของอาลีบาบา ซึ่งกลายเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ลูกค้าที่มียอดการใช้จ่ายสูง โดยในช่วงปีงบประมาณ 2565 มีผู้บริโภคมากกว่า 124 ล้านคนที่ใช้งานเถาเป่า (Taobao) และทีมอลล์ (Tmall) เป็นประจำ พวกเขาสร้างการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อปีต่อผู้ใช้ ไม่ต่ำกว่า 10,000 หยวน

ในช่วงมหกรรม 11.11 แม้ว่าจำนวนผู้ซื้อทั้งหมดจะลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่มูลค่าสินค้ารวมเฉลี่ยต่อคนยังเพิ่มขึ้น

#7: Maker Festival Spotlit โอดโฉมเทรนด์การบริโภคเกิดใหม่

ผู้ค้าจัดแสดงผลิตภัณฑ์ที่กำลังเป็นที่นิยมในเทศกาลเมเกอร์ เฟสติวัล

ผู้ค้าจัดแสดงผลิตภัณฑ์ที่กำลังเป็นที่นิยมในเทศกาลเมเกอร์ เฟสติวัล

เมเกอร์ เฟสติวัล (Maker Festival) เทศกาลช้อปปิ้งประจำปีของอาลีบาบาที่ยกขบวนเจ้าของธุรกิจขนาดย่อมมาแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกของอุตสาหกรรม และแลกเปลี่ยนเคล็ดลับในการรับมือกับช่วงเวลาที่ท้าทาย

เทศกาลนี้ได้นำเสนอเทรนด์การบริโภคล่าสุดและที่กำลังมีอิทธิพลสูงสุด อาทิ กีฬากลางแจ้งและการดูแลสัตว์เลี้ยง ซึ่งดึงดูดความสนใจจากนักช้อป Gen-Z ได้เป็นอย่างมาก ในขณะที่เหล้าปราศจากแอลกอฮอล์และชุดอาหารพร้อมปรุงสำหรับกิจกรรมแคมป์ไฟก็เป็นอีกหนึ่งเมนูอิ่มท้องยอดฮิต

สำหรับปีนี้ ยังถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ 7 ปีของงาน ที่อาลีบาบารับเป็นเจ้าภาพจัดการเสวนาที่ได้เชิญผู้ก่อตั้งธุรกิจ นักลงทุน และผู้บริหาร รวมถึง Xia Heng หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท XPeng ผู้ผลิตรถยนต์ EV ของจีน และ Mei Dong ประธานบริหารของแบรนด์เสื้อผ้า Bosideng เข้าร่วมเสวนา

“เราหวังว่ามันจะกลายเป็นแพลตฟอร์มที่ผู้ประกอบการหลายสิบล้านรายสามารถแบ่งปันและเรียนรู้จากกันและกันได้” Trudy Dai ประธานฝ่ายอีคอมเมิร์ซภายในประเทศของอาลีบาบากล่าวในงาน

#8: ปักกิ่ง 2022 โอลิมปิกฤดูหนาวครั้งแรกบนคลาวด์

อาลีบาบา คลาวด์ ร่วมมือกับโอลิมปิกเพื่อนำเสนอไลฟ์ฟุตเทจผ่านระบบคลาวด์

อาลีบาบา คลาวด์ ร่วมมือกับโอลิมปิกเพื่อนำเสนอไลฟ์ฟุตเทจผ่านระบบคลาวด์

Olympic Broadcasting Services (OBS) และอาลีบาบา ได้ใช้ระบบคลาวด์เพื่อส่งมอบและผลิตเนื้อหาในช่วงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่กรุงปักกิ่ง ประจำปี 2565 ด้วยต้นทุนที่ต่ำลงและมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยลง

อาลีบาบา คลาวด์ หน่วยประมวลผลคลาวด์อัจฉริยะของอาลีบาบาได้ร่วมมือกับ OBS เพื่อนำเสนอแพลตฟอร์มการส่งเนื้อหาแบบไลฟ์บนคลาวด์ โดยก่อนหน้านี้ทางแพลตฟอร์มได้ดำเนินการในฐานะโครงการนำร่องในช่วงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่โตเกียวเมื่อปี 2563  และได้รับการพัฒนาเป็นบริการมาตรฐานที่กรุงปักกิ่งในปี 2565 ในที่สุด

“เราหวังว่าเทคโนโลยีคลาวด์จะไม่เพียงลดต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ภาพเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมความครอบคลุมของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวด้วย เนื่องจากมีผู้ออกอากาศที่ซื้อสิทธิ์ทางโทรทัศน์และวิทยุในการแข่งขัน (RHBs) จำนวนมากขึ้น สามารถเข้าถึงฟุตเทจสดและเลือกฟีดที่พวกเขาต้องการได้” Selina Yuan ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายธุรกิจระหว่างประเทศของ Alibaba Cloud Intelligence กล่าว

ทั้งนี้ มีผู้เผยแพร่ภาพกระจายเสียงกว่า 20 ราย ลงทะเบียนเพื่อรับฟีดแบบเรียลไทม์เหล่านี้

#9: อาลีบาบาระดมส่งความช่วยเหลือสู่นครเซี่ยงไฮ้ในช่วงโรคระบาด

พนักงานส่งของกำลังขนเสบียงเพื่อส่งไปนครเซี่ยงไฮ้ในช่วงที่เกิดโรคระบาด

พนักงานส่งของกำลังขนเสบียงเพื่อส่งไปนครเซี่ยงไฮ้ในช่วงที่เกิดโรคระบาด

Ele.me แพลตฟอร์มเดลิเวอรี่ของอาลีบาบา เป็นหนึ่งในบริการที่ได้รับความนิยมในปี 2565 จากความทุมเทอย่างหนักในช่วงการล็อกดาวน์ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของไวรัสโคโรนาในนครเซี่ยงไฮ้

“เจ้าหน้าที่หันไปพึ่งพาบริษัทขนส่งยักษ์ใหญ่ของจีน เช่น อาลีบาบา เจดีดอทคอม (JD.com) และ (Meituan) เหม่ยถวน เพื่อขนส่งสินค้าไปยังเมืองที่ต้องการ” บรรณาธิการนิตยสารฟอร์จูน (Fortune Magazine) เล่าในรายการข่าวบนเว็บไซต์

Ele.me ได้จัดตั้งบริการพิเศษสำหรับผู้สูงอายุ ผู้พิการ และครอบครัวที่มีเด็กเล็ก และทำงานร่วมกับไช่เหนียวเพื่อแจกจ่ายสินค้า

ไช่เหนียว ใช้ความคิดริเริ่มที่คล้ายกันนี้ในปีต่อมาในศูนย์กลางการขนส่ง ณ เมืองเฉิงตู ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน จนทำให้ผู้อยู่อาศัยได้รับอาหารที่ดี แม้ท่ามกลางความล่าช้าในการจัดส่ง การขาดแคลนอาหาร และความโดดเดี่ยวอันยาวนาน คลังสินค้าที่ดำเนินการโดยไช่เหนียวในเมืองเฉิงตูได้มีการเตรียมการตั้งรับต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถจัดหาเส้นทางการจัดส่งของทีมอลล์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต (Tmall Supermarket) ในเมืองได้ อีกทั้งยังมีการเพิ่มจำนวนพนักงานเพื่อจัดส่งและดูแลสต็อกสินค้าเพิ่มเติม

# 10: Tmall Luxury Pavilion ขานรับ Metaverse

 

 

Tmall Luxury Pavilion มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งสอดคล้องกับการเติบโตของตลาดสินค้าหรูหราของจีน ในขณะเดียวกัน ก็ยังคงเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยให้แบรนด์ต่างๆ สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ในหลายมิติ

“นี่คือทางเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับผู้บริโภคชาวจีนที่ต้องการโต้ตอบกับแบรนด์ เปิดดูรายการสินค้า และสัมผัสประสบการณ์จากแบรนด์” Janet Wang ผู้บริหารจาก Tmall Luxury Pavilion กล่าว

บริษัทวิจัย Bain & Company ได้กล่าวไว้ว่า จีนกำลังก้าวสู่การเป็นตลาดสินค้าหรูหราที่ใหญ่ที่สุดในโลกภายในปี 2568 จึงไม่น่าแปลกใจที่แบรนด์หรูอย่าง Bulgari, Moncler และ Brunello Cucinelli จะตบเท้าเข้ามาเปิดหน้าร้านบนแพลตฟอร์มดังกล่าวในปี 2565

Tmall Luxury Pavilion ช่วยขับเคลื่อนเทรนด์นี้ผ่านความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีล้ำสมัย ซึ่งจัดเต็มเพื่อสนับสนุนแบรนด์ต่างๆอย่างเต็มที่ ตั้งแต่ภาพ 3 มิติไปจนถึงภาพ VR เพื่อกระตุ้นการมีส่วนร่วมของผู้บริโภค นอกจากนี้ยังขับเคลื่อนการช้อปปิ้งแบบ omnichannel โดยเฉพาะการเชื่อมโยงแบรนด์หรูอย่าง Valentino กับสินค้าคงคลังออนไลน์และออฟไลน์ของ Ralph Lauren

Burberry แบรนด์หรูจากเมืองผู้ดี ก็ได้ใช้ประโยชน์จากข้อมูลของ Luxury Pavilion เพื่อสร้างสตูดิโอดิจิทัลแบบส่วนตัว ที่เน้นนำเสนอเสื้อโค้ทหรูหรา และคาดว่าแบรนด์หรูอื่นๆก็จะเดินตามรอย Burberry อย่างแน่นอน ภายในปี 2566 นี้

“แบรนด์หรูต่างๆ กำลังเปิดตัวบริการดิจิทัลที่เป็นนวัตกรรมใหม่ เพื่อสร้างประสบการณ์ช้อปปิ้งที่ดียิ่งขึ้นแก่ผู้บริโภค  และเชื่อมต่อพวกเขาเข้าหากัน ผ่านกลยุทธ์การมอบของขวัญ” Wangกล่าวในช่วงก่อนวันวาเลนไทน์ของจีน

11.11 Alibaba Cloud Cainiao Ele.me Sustainability Tmall Luxury Pavilion Xiaomanlv ความยั่งยืน อาลีบาบา คลาวด์ เสี่ยวหมานหลีว์ ไช่เหนียว