พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ร่วมกับ อาลีบาบา นำเสนอสินค้าจากผลงานศิลปะชิ้นสำคัญ สู่ผู้บริโภคชาวจีน

ผู้บริโภคชาวจีนสามารถสั่งซื้อสินค้าที่ได้รับแรงบันดาลใจจากผลงานศิลปะในพิพิธภัณฑ์ระดับโลกอย่างลูฟวร์ได้แล้ว

เพราะพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ได้ลงนามความร่วมมือครั้งใหม่กับอาลีบาบา กรุ๊ป ในการเปิดตัวร้านค้าแฟลกชิปบนแพลตฟอร์มบีทูซีอย่างทีมอลล์ อีกทั้งยังทำข้อตกลงด้านคอนเทนต์กับอาลีฟิช (Alifish) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ขายสัญญาอนุญาตหรือไลเซ่น (License) แบบออนไลน์ของอาลีบาบา

พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ตั้งอยู่ในเขตเมืองชั้นกลางของปารีสและเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คที่คนทั่วโลกรู้จักมากที่สุด ภายในจัดแสดงผลงานศิลปะกว่า 38,000 ชิ้น ในส่วนจัดแสดงทั้ง 8 ส่วน ทั้งนี้เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคชาวจีนได้ใกล้ชิดกับผลงานชิ้นสำคัญของพิพิธภัณฑ์มากขึ้น ทางทีมงานของอาลีฟิชจึงได้นำความสามารถด้านเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลและความเชี่ยวชาญด้านไลเซ่นของอาลีบาบา มาผนวกเข้าด้วยกันเพื่อใช้ค้นหาว่าผลงานศิลปินใดบ้างภายในลูฟวร์ที่ผู้คนชื่นชอบและรู้จักมากที่สุด จากนั้นทางทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์จะนำผลที่ได้ไปใช้สร้างสรรค์เป็นสินค้าที่ได้รับแรงบันดาลใจจากงานศิลปะเหล่านั้น โดยร่วมกับแบรนด์ชั้นนำทั้งในประเทศจีนและทั่วโลก สินค้าที่เกิดขึ้นมีตั้งแต่ลิปสติกในรูปทรงของเทพีไนกี้แห่งซาโมเทรซ (Winged Victory of Samothrace) และอายแชโดว์อัดแข็งในธีมที่วีนัส เดอ มิโล (Venus de Milo) ไปจนถึงกระเป๋าถือทรงกระเป๋านักเรียน (Satchel) ที่มีภาพเหมือนของผลงานโมนา ลิซ่า

ในวันเปิดตัวร้านค้าแฟลกชิปของลูฟวร์ดังกล่าว ทีมอลล์ได้จัดโปรโมชั่น Super Brand Day ขึ้น เป็นเวลา 1 วัน โดยระดมทรัพยากรทั้งหมดในอีโคซิสเท็มของอาลีบาบามาจัดแคมเปญ ที่มุ่งเน้นการทำโปรโมชั่นสำหรับแต่ละแบรนด์โดยเฉพาะ และมีการแนะนำสินค้าแบบเฉพาะบุคคล รวมทั้งมีการลดราคาพิเศษ และใช้เครื่องมือเพิ่มจำนวนลูกค้าอื่นๆ เพื่อเชื่อมต่อผู้รักงานศิลปะกับสินค้าในร้านค้าของพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์นี้ แคมเปญนี้ยังเปิดร้านป๊อปอัพสโตร์ขึ้นที่ย่านเดอะบันด์ ในเซี่ยงไฮ้ เพื่อให้ผู้ที่เข้าชมได้เห็นสินค้าด้วยตนเอง เหมือนการชมผลงานศิลปะในพิพิธภัณฑ์หรือแกลลอรี่ ลูกค้ายังสามารถซื้อสินค้าได้ง่ายๆ ด้วยการสแกนคิวอาร์โค้ดผ่านแอปพลิเคชั่นเถาเป่าหรือทีมอลล์

ทีมอลล์ สร้างร้านป๊อปอัพสโตร์ขึ้น สำหรับแคมเปญ Super Brand Day ของพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์

ฌอง-ลุค มาร์ติเนซ ประธานของพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ กล่าวว่า “เนื่องจากเป็นพิพิธภัณฑ์ระดับโลก ทุกๆ ปีจึงมีผู้มาเยือนลูฟวร์หลายล้านคน โดยจำนวนมากเป็นชาวจีน แต่ในขณะนี้คนจีนยังไม่สามารถเดินทางมาเยือนพิพิธภัณฑ์ของเราได้เนื่องจากโรคระบาด แต่ด้วยความร่วมมือกับอาลีบาบาในแคมเปญ Super Brand Day จะเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคในจีนได้เรียนรู้เกี่ยวกับผลงานศิลปะในคอลเลคชั่นของลูฟวร์ และแนะนำให้รู้จักสินค้าซึ่งถ่ายทอดงานศิลปะออกมาเป็นของใช้ในชีวิตประจำวัน”

นำผลงานศิลปะออกมาโลดแล่นผ่านไลฟ์สตรีม

ความร่วมมือระหว่างลูฟวร์และอาลีบาบา ยังมีมากกว่าอีคอมเมิร์ซ แต่ขยายออกไปยังด้านวัฒนธรรมและคอนเทนต์ โดยภายใต้ความร่วมมือนี้ ทางอาลีฟิชยังช่วยผลิตรายการพิเศษขึ้นบนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งวิดีโอของอาลีบาบาอย่างยูคู (Youku) เพื่อนำเสนอผลงานศิลปะชิ้นเอกในลูฟวร์ และประวัติความเป็นมาที่สำคัญ

ในเดือนที่ผ่านมา พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ยังได้เปิดให้ฟลิกกี้ (Fliggy) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ให้บริการด้านการท่องเที่ยวของอาลีบาบา ได้ถ่ายทอดสดเวอร์ช่วลทัวร์ผ่านทางไลฟ์สตรีม โดยเวอร์ช่วลทัวร์ดังกล่าวเป็นหนึ่งในซีรี่ย์หลายตอนที่ฟลิกกี้จัดขึ้นเพื่อช่วยให้พิพิธภัณฑ์แห่งนี้รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ได้เชื่อมต่อกับชาวเน็ตในจีนในช่วงเวลาที่ยังมีการปิดประเทศเนื่องจากการระบาดของไวรัสโคโรน่า ก่อนหน้านี้ซีรี่ย์ดังกล่าวได้นำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวไปแล้วหลายแห่ง อาทิ พิพิธภัณฑ์ปราโดในสเปน พระราชวังแวร์ซายในฝรั่งเศส และพิพิธภัณฑ์บริติชในลอนดอน

หวู่ เฉียน รองประธานกรรการของอาลีบาบา เอนเตอร์เทนเมนต์ และประธานกรรมการของอาลีฟิช กล่าวว่า “ความร่วมมือระหว่างอาลีฟิชและลูฟวร์ จะทำให้เกิดนวัตกรรมโมเดลธุรกิจเพิ่มมากขึ้น ในแวดวงอุตสาหกรรมไลเซ่นในประเทศจีน”

หวู่ กล่าวเสริมว่า ด้วยการใช้อีโคซิสเท็มของอาลีบาบา ทำให้ความร่วมมือนี้สามารถเชื่อมต่อกิจกรรมด้านไลเซ่น การตลาด และอีคอมเมิร์ซ เข้าด้วยกันได้ เพื่อสร้างโซลูชั่นสำหรับการผลิตสินค้าซ้ำ ซึ่งจะช่วยให้พิพิธภัณฑ์ต่างๆ เข้าถึงกลุ่มลูกค้าทั่วประเทศจีนที่ชื่นชอบเรื่องวัฒธรรม

ทีมอลล์ ฟลิกกี้ ยูคู อาลีบาบา อีโคซิสเท็ม อาลีฟิช