อาลีบาบาเผยแผนช่วยเหลือทางด้านเทคโนโลยี เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจในชนบทของจีน

อาลีบาบา กรุ๊ป ออกมาตรการ 14 ขั้น ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในชนบทของประเทศจีน พร้อมเผยงบการลงทุนเพิ่มในภารกิจเพื่อสังคมด้านการศึกษาในชนบท การส่งเสริมบทบาทของผู้หญิง สาธารณสุข สาธารณูปโภคพื้นฐานทางดิจิทัล และการพัฒนาทางอีคอมเมิร์ซในปัจจุบันและอนาคต ภายใต้กองทุน Alibaba Rural Vitalization แผนช่วยเหลือดังกล่าวเป็นการต่อยอดโครงการเพื่อสังคม Alibaba’s Poverty Relief  ที่อาลีบาบาก่อตั้งเมื่อปี 2560

ภายใต้กองทุนโครงการเพื่อสังคมโดย Alibaba’s Poverty Relief Fund บริษัทมุ่งมั่นที่จะเร่งแผนการช่วยเหลือชนบทที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ในบริเวณพื้นที่ห่างไกล ผ่านการสนับสนุนด้านอีคอมเมิร์ซและดิจิทัล โดยในปี 2563 แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต่างๆ ของอาลีบาบามียอดขายสินค้าเกษตรรวมกันมากกว่า 303,700 ล้านหยวน หรือ 47,200 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.48 ล้านล้านบาท) สะท้อนให้เห็นว่ามีร้านค้าและสินค้าเพิ่มขึ้นจากชนบทซึ่งเป็นพื้นที่ยากจนและห่างไกลการพัฒนา

“การขจัดความยากจนไม่ใช่เรื่องง่าย ทางออกหนึ่งคือการบรรเทาภาวะยากจนและฟื้นฟูชนบทโดยใช้ศักยภาพที่อาลีบาบามี และใช้เทคโนลียีดิจิทัลให้เกิดประโยชน์สูงสุด เรามุ่งมั่นในการเป็นผู้ให้อย่างต่อเนื่องเพื่อฟื้นฟูพื้นที่เหล่านี้ด้วยการใช้อินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการพัฒนา” แดเนียล จาง ประธานกรรมการและซีอีโอของอาลีบาบา กรุ๊ป กล่าวระหว่างการประชุมกองทุนฟื้นฟูชนบทที่จัดขึ้นที่มณฑลกานซู่

เกษตรกรถ่ายภาพที่ระลึกกับสินค้าเกษตรที่มีการออกแบบบรรจุภัณฑ์ใหม่โดยอาลีบาบา

เปลี่ยนผลผลิตให้เป็นสินค้า

ขั้นตอนแรกในการช่วยให้ชุมชนชนบทสร้างโอกาสในตลาดอีคอมเมิร์ซ คือการเลือกและพัฒนาสินค้าที่เหมาะสม โดยนับตั้งแต่ปีที่แล้ว อาลีบาบาได้ลงทุนด้านการออกแบบบรรจุภัณฑ์ และทำงานร่วมกับเกษตรกรและศูนย์กลางสินค้าเกษตร เพื่อพลิกโฉมสินค้าเกษตรจากชนบทให้กลายเป็นสินค้าที่สามารถขายได้บนอีคอมเมิร์ซ

ขั้นตอนเหล่านี้ล้วนมีอุปสรรค การทำการตลาดและขายสินค้าโดยตรงให้กับผู้บริโภคนับเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งที่เกษตรกรในชนบทและซัพพลายเออร์ชาวจีนต้องประสบ เนื่องจากยังขาดความเข้าใจในการทำการตลาด ไม่มีเงินทุนและช่องทางการขายที่มีประสิทธิภาพ ส่วนในเชิงภูมิศาสตร์ ชุมชนบทเป็นบริเวณที่ห่างไกลจากชุมชนเมืองที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเกษตรกรในชนบทจึงลังเลที่จะเข้าสู่อีคอมเมิร์ซในตอนแรก

“เกษตรกรที่ผมได้พูดคุยด้วยไม่มั่นใจว่าแอปเปิ้ลของเขาจะขายได้ราคาดี พวกเขาเป็นคนติดดินจึงแทบไม่มีความรู้เกี่ยวกับสินค้าและแบรนด์ที่ผู้บริโภคในเมืองมองหา” หวู เหยี้ยน เหมิง นักออกแบบของอาลีบาบา กล่าว

หวูใช้เวลาหลายครั้งกว่าจะจูงใจให้จาง เจี้ยเฉิง ชาวไร่แอปเปิ้ลอายุ 59 ปีตัดสินใจขายสินค้าผ่านออนไลน์  หวูได้นำแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมท้องถิ่นมาออกแบบแพ็คเกจจิ้งและภาพโฆษณาใหม่ให้กับแอปเปิ้ลของนายจางและผลิตผลอื่นๆ จนช่วยให้ขายผลผลิตให้เกษตรกรในมณฑลหลี่เซี่ยนได้มากกว่า 60,000 กิโลกรัมในการไลฟ์สตรีมบนเถาเป่า ไลฟ์

สินค้าในบรรจุภัณฑ์ที่ออกแบบโดยนักออกแบบของอาลีบาบา

การที่ผู้บริโภคในเมืองได้เห็นเกษตรกรไลฟ์สตรีมจากไร่ สวน หรือนาข้าว สามารถเพิ่มความน่าเชื่อถือของผลผลิตที่ขายได้ สาเหตุนี้เองอธิบายว่าทำไมการไลฟ์สตรีมจากเขตชนบทจึงมีความนิยมเพิ่มมากขึ้นบนเถาเป่า ไลฟ์ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยระหว่างปี 2560-2563 มีการไลฟ์สตรีมขายสินค้าเกษตรมากกว่า 3.3 ล้านครั้งบนเถาเป่า ไลฟ์ จากผู้ขายมากกว่า 110,000 ราย อาลีบาบาเปิดเผยว่า ความพยามในการผลักดันช่องทางไลฟ์สตรีมของบริษัทได้ช่วยขายผลผลิตได้มากกว่า 15,000 ล้านหยวน (ประมาณ 73,079 ล้านบาท) และสร้างรายได้ให้ครัวเรือนในหมู่บ้านมากกว่า 1 ล้านแห่งทั่วประเทศจีน

เชื่อมต่อชุมชนด้วยโลจิสติกส์

เพื่อเพิ่มการเข้าถึงดิจิทัล ไช่เหนียวซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจด้านโลจิสติกส์ของอาลีบาบา จึงได้ก่อตั้งศูนย์โลจิสติกส์อัจฉริยะมากกว่า 20 แห่งทั่วประเทศจีนเพื่อให้บริการแหล่งผลิตสินค้าเกษตรในพื้นที่ห่างไกล ศูนย์โลจิสติกส์แบบบูรณาการเหล่านี้มีบริการที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึงการขนส่ง เดลิเวอรี่ถึงผู้บริโภค และบริการเพิ่มมูลค่าสินค้า เช่น การแปรรูปเพิ่มเติม และการบรรจุหีบห่อ

โครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งเป็นสิ่งสำคัญในการเอาชนะอุปสรรคทางภูมิศาสตร์ และช่วยให้ชุมชนในพื้นที่ห่างไกลเข้าถึงโอกาสใหม่ๆ ในยุคดิจิทัล ตัวอย่างเช่น เขตฉินผิง ซึ่งเป็นเขตปกครองตนเองในมณฑลยูนนานทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน และเป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตร รวมถึงพื้นที่อยู่อาศัยของชนกลุ่มน้อยจำนวนมากนั้น มีชุมชนสวนผลไม้ที่อยู่ห่างจากตัวเมืองของเขตมากที่สุด อยู่ห่างออกไป 130 กิโลเมตร และต้องใช้เวลาเดินทางด้วยรถยนต์ถึง 8 ชั่วโมง ดังนั้นการขนส่งสินค้าจากชุมชนนี้ไปยังเมืองที่ใกล้ที่สุดจึงถือเป็นความท้าทาย และยิ่งไม่ต้องพูดถึงการขนส่งไปทั่วประเทศซึ่งถือเป็นเรื่องยากยิ่งกว่า

นับตั้งแต่ปี 2563 ไช่เหนียวได้นำร่องพัฒนาเครือข่ายโลจิสติกส์แบบเป็นทอดๆ และตั้งจุดกระจายสินค้าร่วมไว้ทั่วเขตฉินผิง เพื่อเชื่อมต่อเกษตรกรเข้ากับอีคอมเมิร์ซ โดยเฉพาะบริการส่งแบบด่วนสำหรับผู้บริโภคในชนบท และบริการรับสินค้าจากฟาร์มมายังส่วนกลาง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับเกษตรกรที่อยากขายสินค้าออนไลน์ โดยระหว่างต้นเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ศูนย์โลจิสติกส์ของไช่เหนียวในฉิงผิงได้ขนส่งส้มไร้เมล็ดถึง 1,800 ตัน ความพยามเหล่านี้ช่วยทำให้ต้นทุนในการขายสินค้าออนไลน์ลดลงสำหรับผู้ขายในชนบท และทำให้ราคาในการส่งสินค้าโดยเฉลี่ยต่อ 1 กล่องลดลงไปอยู่ที่ 0.3 หยวน

ส่งเสริมความรู้ด้านอีคอมเมิร์ซในชนบท

อาลีบาบาเชื่อว่าความรู้เป็นพื้นฐานสำคัญในการยกระดับชีวิตคนในชนบท จึงได้เปิดตัวโครงการที่ให้พนักงานหมุนเวียนกันออกไปทำงานเต็มเวลาในพื้นที่ที่ยากจนที่สุดของจีน โดยมีเป้าหมายเพื่อนำเสนอเครื่องมือและเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้กับคนในชนบทและสร้างผู้ขายรายใหม่ รวมทั้งผลักดันนวัตกรรมในชนบทอย่างต่อเนื่อง

เจียง ชางเฉิง เป็นหนึ่งในพนักงานที่อาลีบาบาส่งไปทำงานในพื้นที่ยากจนของจีน โดยในภาพเขากำลังพูดคุยกับเกษตรกรในมณฑลจี๋หลินเรื่องแผนการปลูกเห็ดในไตรมาสถัดไป

สำหรับการส่งเสริมความรู้เรื่องดิจิทัลและการปฏิบัติงานในขั้นต่อไป บริษัทจะขยายการลงทุนเพื่อสังคมด้วยการให้ทุนการศึกษาแก่ครูใหญ่ ครู และบัณฑิต จำนวน 1,600 คนในชนบท เพื่อฝึกอาชีพที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจดิจิทัลในปัจจุบัน กองทุนนี้ยังสนับสนุนหลักสูตรฝึกอาชีพ 1,000 หลักสูตร และจะฝึกอบรมผู้ขายในชนบท 1 ล้านรายในปีนี้

สุดท้าย กองทุนนี้ยังช่วยสร้างงาน 100,000 ตำแหน่งให้กับผู้หญิงในพื้นที่ห่างไกล และช่วยปรับปรุงและพัฒนาระบบการแพทย์ดิจิทัลให้กับโรงพยาบาลเขต 300 แห่ง ซึ่งสร้างประโยชน์ให้กับบุคลากรทางการแพทย์มากกว่า 7,000 คนในจีน

การค้าในชนบท การพัฒนาชนบท เถาเป่า ไลฟ์ ไช่เหนียว