10 อันดับเทรนด์ความงามที่กำลังมาแรงในปี 2021
ต้นฉบับของบทความถูกตีพิมพ์บนเว็บไซต์ Alibaba.com แพลตฟอร์ม B2B เพื่อการค้าระดับโลกและถูกนำมาปรับเพื่อลงในเว็บไซต์ AlibabaNews เป็นภาษาไทยและบาฮาซา อินโดนีเซีย อ่านบทความต้นฉบับได้ที่นี่
ธุรกิจความงามมีการเติบโตอย่างมาก มาตรฐานทางความงามเปลี่ยนไปตามไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไป เมื่อปีผ่านมาวิถีชีวิตของคนเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเพราะวิกฤติโควิด ทำให้เกิดเทรนด์ความงามที่แตกต่างและเป็นเอกลักษณ์ทั่วโลก
กรณีของประเทศไทย ตลาดสกินแคร์เติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงวิกฤติโควิด ที่คนส่วนใหญ่ทำงานจากที่บ้านจึงหันมาดูแลตัวเองมากขึ้นและเป็นวิถีทางการคลายเครียดรูปแบบหนึ่ง เมื่อต้องอยู่บ้านนานเกินไป แบรนด์ไทยหลายแบรนด์มีร้านค้าบนแพลตฟอร์มทีมอลล์ โกลบอลของอาลีบาบา ซึ่งมีสินค้ายอดนิยม อาทิ ผลิตภัณฑ์คลีนบิวตี้ มาส์กหน้า DIY และครีมทามือเพื่อบำรุงผิวที่แห้งกร้านจากการใช้สเปรย์แอลกอฮอล์ตลอดทั้งวัน
บทความนี้ได้รวบรวมเทรนด์ความงามยอดนิยมของปีที่ผ่านมาและทิศทางของเทรนด์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เรามาลองดูการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในโลกแห่งความงามกันเลยดีกว่า
ภาพรวมธุรกิจความงาม
ก่อนจะลงรายละเอียด เรามาเริ่มที่ภาพรวมและข้อมูลเชิงสถิติของธุรกิจความงามในปัจจุบัน
- คาดว่าธุรกิจความงามจะเติบโตเฉลี่ยนเพิ่มขึ้นปีละ 2 เปอร์เซ็นต์ ระหว่างปี 2563-2566
- ตลาดขนาดใหญ่ของธุรกิจความงาม ได้แก่ จีน สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น อินเดียและบราซิล
- ยอดขายของสินค้าในหมวดความงามบน com เพิ่มขึ้น 100 เปอร์เซ็นต์ ในปีงบประมาณ 2563 เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2562
- สหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรมีตลาดบายเออร์สินค้าความงามที่ใหญ่ที่สุดสองอันดับแรก
สิบอันดับเทรนด์ความงามที่กำลังมาแรง
เมื่อปีที่ผ่านมา ผู้บริโภคมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปจากเดิมมาก เช่นเดียวกับเทรนด์ความงาม แม้ยอดขายเครื่อสำอางจะตกเมื่อปีที่ผ่านมา แต่ภาพรวมธุรกิจความงามยังคงเติบโตได้ดี1 เทรนด์บางอย่างเกิดขึ้นเพราะวิกฤติโควิด หลายเทรนด์เกิดขึ้นระหว่างช่วงล็อคดาวน์ บางเทรนด์เกิดขึ้นมาจากวัฒนธรรมการใส่ใจสังคมและสิ่งแวดล้อม และอีกหลายเทรนด์ได้รับแรงบันดาลใจมาจากโซเชียลมีเดียและอินฟลูเอนเซอร์
เทรนด์ความงามที่กำลังมาแรงมีดังต่อไปนี้
1. สกินแคร์กลายเป็นสินค้ายอดนิยม
สกินแคร์กลายเป็นสินค้ายอดนิยม สกินแคร์บำรุงผิวหน้าครองสัดส่วนตลาดถึง 19 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเกิดจากความต้องการที่จะมีผิวที่เปล่งปลั่งโดยไม่ต้องแต่งหน้า และความกังวลเรื่องความแก่และริ้วรอย หลายคนมองว่าการใช้สกินแคร์เป็นการผ่อนคลาย ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สินค้าในหมวดนี้ได้รับความนิยมสูงขึ้น
สินค้า อาทิ มอยเจอไรเซอร์ ครีมลางหน้า เซรั่มและผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวจัดเป็นสินค้าขายดี ผู้บริโภคมองหาสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของคอลลาเจน วิตามินซี น้ำมันกัญชา (CBD) ซึ่งกลายเป็นคำค้นยอดฮิตในปัจจุบันเมื่อผู้บริโภคมอง จะเลือกซื้อสกินแคร์
2. สินค้าที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติมียอดขายเพิ่มขึ้น
ผู้บริโภคเริ่มให้ความสำคัญกับสิ่งที่รับประทานและใช้บนร่างกาย ซึ่งเกิดมาจากการที่สินค้าความงามและสินค้าที่ไม่เกี่ยวกับความงามมีส่วนประกอบของสารเคมีที่ไม่พึงประสงค์และส่วนผสมของฟิลเลอร์
ส่วนผสมเหล่านี้เป็นอันตรายต่อผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม เพราะสารที่ร่างกายไม่ได้ดูดซึมไปให้ประโยชน์ก็จะกลายเป็นสารตกค้างในระบบหมุนเวียนในร่างกายของเรา ผู้บริโภคจึงหันมาพิจารณาสินค้าที่ตัวเองเลือกใช้ แม้บางกลุ่มจะยังไม่สนใจ แต่สำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับคลีนบิวตี้ยอมที่จะจ่ายด้วยราคาที่สูงกว่าเพื่อได้สิ่งที่ดีต่อร่างกาย2 สินค้าแพลนต์เบส ที่มาพร้อมแพคเกจจิ้งรักษ์โลกคือสินค้าในหมวดนี้ ผู้บริโภคบางกลุ่มเลือกรับประทานเฉพาะสินค้าที่ปลอดภัยต่อร่างกาย
ผู้ประกอบการหลายรายเริ่มหันมาใช้กลยุทธ์ทางการตลาด “greenwatching”3 ซึ่งสินค้าจะมีฉลาก “ทำจากธรรมชาติ” “คลีน” “กรีน” หรือ “เป็นมิตรต่อธรรมชาติ” แม้ว่าคุณสมบัติของสินค้าชิ้นนั้นจะไม่เป็นไปตามเกณฑ์ก็ตาม ซึ่งเกิดเป็นประเด็นที่ถูกวิจารณ์ เพราะมีแบรนด์ที่เอาเปรียบผู้โภค ที่มองหาสินค้าจากธรรมชาติจริงๆ
3. ความงามเสกได้ด้วยตัวเอง (DIY beauty)
เมื่อร้านเสริมสวยกลายเป็นธุรกิจที่ไม่จำเป็น ร้านเสริมสวยจำนวนมากต้องปิดร้านเป็นเวลาหลายเดือนเมื่อต้นปี 2563 ทำให้ผู้บริโภคต้องรู้จักที่จะดูแลตัวเองเมื่ออยู่บ้าน เทรนด์สินค้า DIY เช่น อุปกรณ์ตกแต่งเล็บ แว็กซ์ น้ำยาย้อมผม เซ็ทบำรุงผิวหน้า กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น4 สินค้ากำจัด ขนมียอดขายเพิ่มขึ้น 97 เปอร์เซ็นต์และสินค้าเกี่ยวกับเล็บมียอดขายเพิ่มขึ้น 175 เปอร์เซ็นต์
วิดีโอบน Youtube และวิดีโอเกี่ยวกับการดูแลตนเองมีผู้ชมเพิ่มขึ้นเช่นกัน แม้ร้านเสริมสวยกลับมาเปิดให้บริการ ผู้บริโภคจำนวนมากยังเห็นว่า การออกจากบ้านไม่ใช่สิ่งจำเป็นอีกต่อไป จึงทำให้เทรนด์ DIY จะยังอยู่อีกสักพัก
4. อีคอมเมิร์ซบูมแบบฉุดไม่อยู่
รูปแบบการซื้อสินค้าความงามเปลี่ยนไปเช่นเดียวกับธุรกิจอื่นๆ ร้านค้า brick and mortar ต้องปิดตัวลงเป็นเวลาหลายเดือน ทำให้ผู้คนหันมาซื้อของผ่านช่องทางออนไลน์ รีเทลเลอร์จำนวนมากใช้โอกาสนี้ไปทำธุรกิจบนอีคอมเมิร์ซ5 การเปิดร้านค้าออนไลน์ยังเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่าการมีหน้าร้าน ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้ร้านค้าที่ขายสินค้าความงามปรับรูปแบบแพลตฟอร์มให้มีความน่าสนใจและดึงดูดผู้บริโภค
การใช้เทคโนโลยี AR VR และเทคโนโลยีอื่นๆ ทำให้ผู้บริโภคได้ลองแต่งหน้าเสมือนจริง เพียงแค่อัพโหลดรูปถ่ายตัวเองบนสมาร์ทโฟน การลองสินค้าหลายเฉดสี หลายรูปแบบเป็นการตัดปัญหาที่ลูกค้าจะต้องไปลองใช้สินค้าจริงที่หน้าร้าน
นอกจากนี้รีเทลเลอร์ยังได้ประโยชน์ด้านข้อมูลและการวิเคราะห์โดยอีคอมเมิร์ซ ที่แสดงผลพฤติกรรมผู้บริโภค เพื่อให้เข้าใจความต้องการและเทรนด์การบริโภค สถิติเหล่านี้ทำให้ร้านค้าสามารถระบุกลุ่มเป้าหมายของตน
5. เจลล้างมือที่ทำให้ผิวสุขภาพดี
แม้เจลลางมือจะไม่ค่อยเข้าพวกกับผลิตภัณฑ์ความงาม แต่บริษัทที่เกี่ยวกับความงามจำนวนมากเริ่มหันมาพัฒนาสินค้าจำพวกนี้ให้เกี่ยวข้องกับความงามมากขึ้น เนื่องจากแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสมหลักที่ทำให้การฆ่าเชื้อเกิดประสิทธิภาพ แต่ก็มีผลข้างเคียงให้มือแตกและแห้งกร้าน จึงเป็นโอกาสให้เจลล้างมือบำรุงผิวเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 2520 เปอร์เซ็นต์ในปี 2563
บริษัทความงามจำนวนมากพัฒนาสูตรเจลล้างมือที่มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อและยังมีคุณสมบัติในการบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น มือนุ่มน่าสัมผัส ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค แบรนด์ Kylie Cosmetics ผลิตเจลล้างมือกลีเซอรีนราคาเพียง 7 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 215 บาท) FRE Skincare นำเสนอเจลล้างมือที่ทำมาจากน้ำมันในราคา 19 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 586 บาท) และยังมีแบรนด์ลักชัวรีอื่นๆ ที่มีสินค้าประเภทเดียวกันในราคาที่สูงกว่า
6. สินค้าที่ป้องกันสิวจากหน้ากาก (Maskne)
การใส่หน้ากากเป็นประจำต่อเนื่องเป็นเวลานานเป็นสาเหตุของการเกิดสิว โดยเฉพาะสิวจากหน้ากากหรือ maskne แบรนด์จำนวนมากเริ่มพัฒนาสินค้าที่ป้องกันการเกิดสิวจากหน้ากาก6 หน้ากากประเภทนี้ผลิตมาจากวัสดุที่หลากหลาย แต่สามารถระบายอากาศและป้องกันแบคทีเรียได้
หน้ากากป้องกันสิว maskne จะยังคงเป็นที่นิยมตลอดระยะเวลาที่โควิด-19 ยังอยู่ในชีวิตประจำวัน7 นอกจากการสวมหน้ากากประเภทนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามยังแนะนำให้ผู้ที่มีปัญหาสิว maskne หันมาทำความสะอาดผิวหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่ออนโยนและใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวเป็นประจำ
7. ผลิตภัณฑ์แต่งหน้าที่เป็นมิตรต่อหน้ากากอนามัย
ผู้คนในหลายประเทศทั่วโลกต่างใส่หน้ากากอนามัยเมื่อต้องออกจากบ้าน ผู้ที่ชื่นชอบการแต่งหน้าจึงจำเป็นต้องเลือกใช้เมคอัพแบบ Mask-friendly8 คือใช้แล้วติดทน ไม่เลอะติดหน้ากากอนามัยนั่นเอง เมื่อสวมหน้ากากอนามัย ใบหน้าของเราจะถูกปิดตั้งแต่จมูกลงมา จึงเป็นโอกาสให้ดวงตา ขนตา และคิ้ว ได้อวดโฉม ดังนั้นผลิตภัณฑ์อย่างอายแชโดว์ บลัชออน ขนตาปลอม คอนซีลเลอร์ และมาสคาร่า จึงกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
ลิปสติกเนื้อเหลวกลายเป็นที่นิยม เพราะมีโอกาสเปื้อนติดหน้ากากอนามัยน้อยกว่าลิปสติกแบบธรรมดาและลิปกลอส สาวๆ จึงสามารถสวมและถอดหน้ากากอนามัยระหว่างวันได้โดยเมคอัพยังคงสวยเป๊ะ การใช้เครื่องสำอางแบบกันน้ำก็ช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าเมคอัพจะไม่เลอะติดหน้ากากอนามัยเช่นกัน
8. การดูแลหนังศีรษะ เริ่มได้รับความสนใจ
อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าหลายคนหันมาสนใจดูแลสุขภาพผิวกันมากขึ้น ความสนใจนี้ได้ขยายไปถึงเส้นผมและหนังศีรษะด้วยเช่นกัน Trichology9 เป็นศาสตร์เกี่ยวกับหนังศีรษะโดยเฉพาะ ซึ่งเกิดขึ้นจากกลุ่มคนที่นำเอาวิทยาศาสตร์มาใช้ดูแลหนังศีรษะ โดยมีแนวคิดพื้นฐานคือการสร้างการเติบโตของเส้นผมอย่างมีสุขภาพ ลดปัญหาหนังศีรษะแห้ง และเสริมสร้างสุขภาพโดยรวมของหนังศีรษะผลิตภัณฑ์ความงามเกี่ยวกับหนังศีรษะที่มีการพัฒนาขึ้น เช่น แชมพูดีท็อกซ์หนังศีรษะ ครีมบำรุง แชมพูทำความสะอาดแบบล้ำลึก เซรั่ม และครีมบำรุงผสมคาเฟอีน เป็นต้น
นอกจากนี้ ทรีตเมนต์และการรักษาสำหรับหนังศีรษะโดยเฉพาะ ก็เริ่มแพร่หลายมากขึ้น
9. เทรนด์ความหลากหลายกำลังมา
แม้ว่าปัจจุบันจะมีผลิตภัณฑ์แต่งหน้าสำหรับคนสีผิวต่างๆ มากขึ้น แต่ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาแบรนด์เครื่องสำอางมีแนวโน้มพัฒนาผลิตภัณฑ์มาเพื่อสาวผิวขาวซึ่งเป็นคนส่วนน้อยในตลาด แต่นับจากนี้เทรนด์ที่กำลังมาแรงคือเรื่องความหลากหลายของเมคอัพสำหรับคนทุกผิว
เครื่องสำอางของเซเลบริตี้ 2 แบรนด์ คือ Fenty ของริฮานน่า และ KKW Beauty ของคิม คาร์ดาเชียน ให้ความสำคัญกับเรื่องความหลากหลายเป็นอันดับแรก ทำให้แบรนด์คู่แข่งต้องปรับตัวเพื่อให้ตอบโจทย์ผู้ใช้ได้อย่างหลากหลายเช่นกัน เมคอัพที่หลากหลากไม่ได้มีแค่เรื่องเฉดสีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการพัฒนาเพื่อผิวประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผิวบอบบาง ผิวมัน ผิวแห้ง และผิวผสม ก็มีผลิตภัณฑ์ที่ทำออกมาเพื่อความต้องการที่แตกต่างกัน
นอกจากเรื่องการพัฒนาผลิตภัณฑ์แล้ว อุตสาหกรรมความงามก็เริ่มหันมาใช้แอมบาสเดอร์และอินฟลูเอนเอซอร์ ที่เราจะไม่เห็นในอดีต อย่างการใช้ผู้ชายและบุคคลเพศที่สาม ก็เห็นกันมากขึ้น เทรนด์นี้น่าจะยังคงอยู่ต่อไปอีกหลายปี เนื่องจากโลกของเราเริ่มเปลี่ยนมุมมองเรื่องความสวยของผู้หญิงที่เปลี่ยนไปจากค่านิยมดั้งเดิม
10. การสมัครสมาชิกเพื่อรับสินค้า
การสมัครสมาชิกเพื่อรับสินค้าเป็นเทรนด์ที่น่าสนุกในอุตสาหกรรมความงาม โดยเป็นการสมัครสมาชิกแบบรายเดือนหรือราย 3 เดือน เพื่อรับกล่องผลิตภัณฑ์ที่ภายในบรรจุสินค้าเป็นคอลเลคชั่น การสมัครสมาชิกแบบนี้ส่วนใหญ่จะได้รับความนิยมกับผลิตภัณฑ์ดูแลผิว และมีบางแบรนด์ที่เป็นเมคอัพและอุปกรณ์แต่งสวย
แบรนด์ที่มีบริการแบบสมัครสมาชิกซึ่งได้รับความนิยมมากที่สุด เช่น IPSY Allure BoxyChan และBirchbox หลายแบรนด์ เช่น IPSY จะส่งกล่องผลิตภัณฑ์บิวตี้เป็นคอลเลกชันให้ลูกค้าทุกเดือน ในขณะที่แบรนด์ Allure ส่งผลิตภัณฑ์เด็ดที่ได้รับเลือกโดยบรรณาธิการความงาม ส่วน FabFitFun เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ได้รับความนิยม แต่แบรนด์นี้จะผสมผสานทั้งผลิตภัณฑ์บิวตี้ ไลฟ์สไตล์ และการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมเข้าด้วยกัน
การสมัครสมาชิกเพื่อรับกล่องผลิตภัณฑ์มีช่วงราคาตั้งแต่ 300 – 1,500 บาท และมีผลิตภัณฑ์หลากหลายตั้งแต่สินค้าตัวอย่างไปจนถึงสินค้าไซส์ใหญ่
ผลิตภัณฑ์ความงามยอดนิยมในปี 2564
บ่อยครั้งที่อุตสาหกรรมความงามมีทิศทางไปตามแฟชั่นและเทรนด์ร่วมสมัย แม้ว่าในปีที่ผ่านมาจะมีปัจจัยที่ไม่ปกติหลายอย่างเข้ามามีอิทธิพลต่ออุตสาหกรรมนี้ แต่ผลิตภัณฑ์แต่งหน้าและดูแลผิวก็จะยังเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อเนื่องไปอีกหลายปี
นี่คือผลิตภัณฑ์ยอดนิยมในอุตสาหกรรมความงามในปี 2564
- ลิปสติกเนื้อเหลว และลิปกลอส
- บลัชออนแบบน้ำ
- อายแชโดว์โทนนู้ดแบบแมทท์
- อายแชโดว์ผสมกลิตเตอร์
- น้ำยาทาเล็บสีสด
- ขนตาปลอมจากขนมิ้งค์สังเคราะห์
- ขนตาปลอมที่ทำจากพืช
- แปรงขัดและทำความสะอาดผิวหน้า
- เทปกาวติดวิกผม
- ผงทาปิดผมบาง
- แชมพูผสมอาร์แกนออยล์
- ผงขัดผิวจากกากกาแฟ
อันดับนี้เหล่านี้น่าจะทำให้พอเห็นภาพได้ว่ามีสินค้าอะไรบ้างที่ควรนำมาขายบน Alibaba.com
ทิศทางของอุตสาหกรรมความงามในปี 2564
การคาดการณ์ทิศทางของอุตสาหกรรมความงามในปีนี้ทำได้ยาก เนื่องจากหลายประเทศยังคงได้รับผลกระทบจากโควิด อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เริ่มมีการทยอยฉีดวัคซีนในหลายประเทศแล้ว แต่คงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งกว่าผู้คนจะสามารถกลับมาทำงาน ไปโรงเรียน และท่องเที่ยวได้ตามปกติอีกครั้ง
หลังจากร้านอาหาร บาร์ และสถานบันเทิง เปิดให้บริการแล้ว ผู้คนน่าจะหันกลับมาซื้อผลิตภัณฑ์แต่งหน้ากันมากขึ้น ส่วนผลิตภัณฑ์ DIY เช่น ชุดแว็กซ์ขน ชุดทำเล็บ และอื่นๆ อาจจะมียอดขายลดลง เนื่องจากร้านเสริมสวยกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง
เป็นไปได้ว่าเทรนด์บางอย่างที่เกิดขึ้นเนื่องจากโควิด-19 อาจกลายเป็นสิ่งที่คงอยู่ถาวร เพราะผู้คนเริ่มมีกิจวัตรความงามในการดูแลร่างกาย เช่น ผิว และหนังศีรษะ จนกลายเป็นความเคยชิน หลายเทรนด์จึงน่าจะคงอยู่ต่อไป แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อุตสาหกรรมความงามจะยังคงมีการพัฒนาสิ่งใหม่ๆ ดังนั้นจึงยังโอกาสสำหรับผู้ที่สนใจจะเข้าทำธุรกิจในด้านนี้อยู่เสมอ
ข้อมูลอ้างอิง:
- https://www.mckinsey.com/~/media/McKinsey/Industries/Consumer Packaged Goods/Our Insights/How COVID 19 is changing the world of beauty/How-COVID-19-is-changing-the-world-of-beauty-vF.pdf
- https://www.washingtonpost.com/lifestyle/wellness/clean-beauty-has-taken-over-the-cosmetics-industry-but-thats-about-all-anyone-agrees-on/2020/03/09/2ecfe10e-59b3-11ea-ab68-101ecfec2532_story.html
- https://www.investopedia.com/terms/g/greenwashing.asp
- https://www.businessinsider.in/business/news/covid-19-and-the-changing-face-of-the-business-of-beauty-from-sanitized-salons-to-diy-kits-and-acquisitions/articleshow/77972919.cms
- https://www.yieldify.com/free-guides/beauty-ecommerce-trends/
- https://www.thecut.com/article/how-to-treat-maskne-mask-acne.html
- https://poosh.com/face-masks-prevent-maskne/
- https://www.refinery29.com/en-us/2020/08/9961103/makeup-with-face-mask-tips-covid-19
- https://www.webmd.com/a-to-z-guides/what-is-a-trichologist#1
แชร์
ก๊อปปี้ลิ้งค์