แดเนียล จาง ซีอีโออาลีบาบา กรุ๊ป เผยบริษัทฯ ตั้งเป้าด้านสังคมสิ่งแวดล้อม พร้อมกำหนดนโยบายความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน
แดเนียล จาง ซีอีโออาลีบาบา กรุ๊ป เผยบริษัทฯ ตั้งเป้าด้านสังคมสิ่งแวดล้อม พร้อมกำหนดนโยบายความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน
แดเนียง จาง แถลงในงานประชุม World Internet ของจีน
แดเนียล จาง ประธานกรรมการและซีอีโอ อาลีบาบา กรุ๊ป ยกประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและบรรษัทภิบาล (ESG) และนโยบายความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน (common prosperity) เป็นเป้าหมายหลักที่บริษัทควรบรรลุ ตอกย้ำพันธกิจด้านการช่วยเหลือสิ่งแวดล้อมและสังคม
สำนักงานใหญ่ ณ เมืองหังโจวจะเริ่มดำเนินงานตามแนวทางใหม่นี้ โดยให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ 3 เสาหลักของบริษัทฯ ได้แก่ กลยุทธ์ระดับโลก การบริโภคภายในประเทศ และนวัตกรรมทางเทคโนโลยีโดยคลาวด์ คอมพิวติ้ง
“เราตั้งใจและมั่นใจในศักยภาพของบริษัทฯ ที่สร้างแพลตฟอร์มด้านธุรกิจที่เป็นประโยชน์และใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นายจาง กล่าวในงานประชุมประจำปี World Internet ซึ่งจัดขึ้น ณ เมืองอู่เจิ้น ในภาคตะวันออกของจีน เมื่อเร็วๆ นี้
คำแถลงของนายจางเกิดขึ้นหลังจากที่บริษัทฯ ประกาศลงทุน 100,000 ล้านหยวน หรือ 15,500 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 522,319 ล้านบาท) เพื่อลดช่องว่างทางรายได้ในประเทศจีน ซึ่งเป็นประเด็นระดับชาติ ที่ได้รับการผลักดันหลังประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ประกาศนโยบายความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันอย่างเป็นรูปรรมภายในปี 2578
“เป้าหมายที่จะช่วยผู้ประกอบการ เพิ่มศักยภาพในการเริ่มต้นธุรกิจและเพิ่มรายได้ โดยการก้าวไปข้างหน้าพร้อมกันกับสังคม เป็นปัจจัยที่ขับเคลื่อนประเทศในตลอดระยะเวลา 20 ปี ที่ผ่านมา และยังคงเป็นแนวทางในปัจจุบัน ที่เราจะยึดถือเป็นแบบปฏิบัติในอนาคตเช่นกัน” นายจาง กล่าวเสริม
นอกจากนี้ นายจาง ยังกล่าวถึงขั้นตอนการปฏิบัติที่อาลีบาบายึดมั่น เพื่อให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันตามที่วางไว้
อาลีบาบา เปิดตัวโครงการส่งเสริมผู้มีความสามารถด้านเทคโนโลยี ที่สามารถนำมาใช้พัฒนาประเทศได้ เพื่อให้ชุมชนในต่างจังหวัดเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลและใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญกว่า 200,000 คนภายใต้โครงการนี้
บริษัทฯ มีแผนที่จะส่งพนักงานด้านเทคนิคไปช่วยเหลือ และฝึกอบรมชุมชนในหมู่บ้านที่ห่างไกลการพัฒนา
ในเดือนกันยายน อาลีบาบาได้ส่งพนักงาน 20 รายไปดูแลโครงการ “จากหน้าด่าน”ตามชนบทของจีน โดยโครงการดังกล่าวมีตั้งแต่การช่วยเหลือเกษตรกรสร้างแบรนด์สำหรับสินค้าเกษตร เพื่อสร้างงานและรายได้ และฝึกอบรมด้านลูกค้าสัมพันธ์ทางออนไลน์ การจัดการข้อมูลโดยใช้ AI
“หากเราสามารถเพิ่มทักษะที่เป็นประโยชน์ให้กับคนในชุมชนได้ โดยการเรียนรู้ทักษะที่จำเป็น วิธีการทำงานและวิธีดูแลกิจการที่บ้าน ประชาชนเหล่านั้นก็จะสามารถเติบโตในอาชีพของตน และมองเห็นการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในระยะยาว” นายจาง กล่าวเพิ่มเติม
นายจาง กล่าวว่า นโยบาย ESG กลายเป็นบรรทัดฐานสำหรับบริษัทในระดับโลก และทวีความสำคัญกับบริษัทที่เติบโตบนแพลตฟอร์มอย่างอาลีบาบา ที่ตั้งเป้าจะพัฒนากรอบปฏิบัติด้าน ESG ที่มีขอบเขตในระดับโลก แต่ไม่ลืมที่จะแก้ปัญหาสังคมภายในประเทศ
อาลีบาบาจึงวางแผนที่จะบรรลุนโยบาย Net-zero ที่ตั้งเป้าไว้คู่กัน คือการลดการปล่อยคาร์บอนให้เหลือน้อยที่สุดภายในปี 2573 และการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ภายในปี 2603
เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ปักกิ่งมีการใช้แอป Amap แพลตฟอร์มแผนที่และการนำทางในเครืออาลีบาบา เพื่อติดตามคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในทุกๆ ก้าวเดิน การปั่นจักรยาน การใช้รถโดยสารประจำทางหรือรถไฟใต้ดิน ผู้ใช้สามารถสะสมคะแนนนำไปแลกเป็นค่าโดยสาร บัตรกำนัลแลกซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มไลฟ์สตรีม หากใช้ทางเลือกที่ลดการปล่อยคาร์บอนต่ำ
“เราเชื่อว่าความพยายามก้าวเล็กๆ สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในสังคม” นายจาง กล่าว
เขายังเชื่อว่าสิ่งทีมีความหมายมากที่สุดในการสร้างแพลตฟอร์มทางธุรกิจ คือการช่วยให้ผู้อื่นประสบความสำเร็จ และความพยายามเหล่านั้นกลายมาเป็นการเติบโตที่ยั่งยืนสำหรับอาลีบาบา อย่างไรก็ตาม แพลตฟอร์มต้องก่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกัน เป็นธรรมและแข็งแกร่ง โดยมีส่วนร่วมจากผู้ประกอบการรายย่อย และเอสเอ็มอี
นายจางเน้นย้ำว่า “ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันไม่ได้วัดจากตัวเลข”
“อย่างน้อยในอีก 10 ปี ข้างหน้า เราจะสามารถใช้ศักยภาพทางดิจิทัล ให้เกิดการพัฒนาที่มีเป็นประโยชน์และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคม” “เราจะยึดมั่นในกระบวนการที่ยั่งยืนและวัดผลได้ เพื่อบรรลุเป้าหมายตามที่เราสัญญา”
แชร์
ก๊อปปี้ลิ้งค์