อาลีบาบา - ลอรีอัล ลงนามความร่วมมือสร้างอุตสาหกรรมความงามที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในจีน

 เครดิตภาพ: Shutterstock

เครดิตภาพ: Shutterstock

อาลีบาบา กรุ๊ป (Alibaba Group) ลงนามความร่วมมือในกรอบระยะเวลา 3 ปีกับบริษัทเครื่องสำอางรายใหญ่ที่สุดของโลกอย่าง ลอรีอัล (L’Oréal) เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนในอุตสาหกรรมความงามของจีน

แดเนียล จาง ประธานและซีอีโอของอาลีบาบา และ ฌอง-ปอล อากอน (Jean-Paul Agon) ประธานของลอรีอัล ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เมื่อวันที่ 6 เมษายนที่ผ่านมา ณ กรุงปักกิ่ง โดยความร่วมมือซึ่งจะดำเนินไปจนถึงปี 2568 นี้ ถือเป็นความพยายามสร้างมาตรฐานความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและการใช้คาร์บอนต่ำ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมถึงการสร้างโซลูชันเศรษฐกิจหมุนเวียนที่วัดผลได้ในอุตสาหกรรมความงามและการดูแลร่างกายของจีน ซึ่งมีมูลค่าถึง 8.7 พันล้านดอลลาร์

“การพัฒนาที่ยั่งยืนได้กลายเป็นฉันทามติและพันธสัญญาข้ามพรมแดนของนานาประเทศ และยังเป็นการประสานความร่วมมือระหว่างทุกบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม” จาง กล่าวก่อนพิธีลงนามกับลอรีอัลเมื่อวันที่ 6 เมษายน

อาลีบาบาและลอรีอัลกล่าวเสริมว่า พวกเขาจะทำงานร่วมกันใน 3 ด้าน ได้แก่ สินค้าคาร์บอนต่ำ โลจิสติกส์ การตลาดและการศึกษาผู้บริโภค ตามบันทึกข้อตกลง โดยทั้งสองจะพยายามทำให้ห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมความงามเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ตั้งแต่คลังสินค้า บรรจุภัณฑ์ การกระจายสินค้า ไปจนถึงการรีไซเคิล ตลอดจนสนับสนุนวิถีชีวิตที่ยั่งยืนของผู้บริโภค

ทั้งนี้ ข้อตกลงดังกล่าวสร้างขึ้นจากความพยายามก่อนหน้านี้ของลอรีอัลและอาลีบาบาเพื่อส่งเสริมการบริโภคที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งทั้งสองได้ลงนามในข้อตกลงตั้งแต่ปี 2561 เพื่อใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสำหรับผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของลอรีอัลที่จำหน่ายในจีน

ในเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว อาลีบาบาได้ร่วมมือกับบริษัทผู้จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคเพื่อออกคำแนะนำเกี่ยวกับการส่งเสริมการบริโภคที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งคำแนะนำนี้ได้เสนอแนวทางของแบรนด์ต่าง ๆ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำ ส่งเสริมความคิดริเริ่มด้านสิ่งแวดล้อมและแนวทางสู่ผลสำเร็จด้านโลจิสติกส์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จนถึงปัจจุบัน มีบริษัท 24 แห่งเข้าร่วมโครงการ รวมถึงลอรีอัลและดานอน (Danone) กลุ่มบริษัทผู้ผลิตภัณฑ์อาหารข้ามชาติจากฝรั่งเศส

carbon neutrality Sustainability ความยั่งยืน คาร์บอนต่ำ