ไช่เหนียว เสริมศักยภาพระบบโลจิสติกส์ทั่วโลก

เมื่อเร็วๆ นี้ ไช่เหนียว เน็ตเวิร์ค ซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจโลจิกติกส์ของอาลีบาบา ได้ประกาศแผนที่จะลงทุนในเครือข่ายโลจิกติกส์ทั่วโลกเพิ่มขึ้น และตั้งเป้าที่จะลดระยะเวลาในการจัดส่งสินค้าลงอย่างเป็นรูปธรรมภายใน 3 ปี ซึ่งการพัฒนาดังกล่าวก็เพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ นั่นคือการจัดส่งสินค้าทั่วประเทศจีนให้ได้ภายใน 24 ชั่วโมง และส่งสินค้าทั่วโลกให้ได้ภายใน 72 ชั่วโมง ซึ่งธุรกิจไทยที่ส่งออกสินค้าไปยังจีนผ่านแพลทฟอร์มของอาลีบาบา เช่น ทีมอลล์ โกลบอล ก็จะได้รับประโยชน์จากการลงทุนในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน

การลงทุนในครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มจำนวนเครื่องบินส่งสินค้าของไช่เหนียวขึ้น 4 เท่า จากเดิมที่มี 260 ลำ เพิ่มขึ้นเป็น 1,260 ลำ ภายใน 9 เดือน ทำให้ไช่เหนียวสามารถลดระยะเวลาจัดส่งสินค้าระหว่างประเทศโดยเฉลี่ยลงเหลือ 3-5 วัน จากปัจจุบันที่ต้องใช้เวลา 7-10 วัน

นอกจากนี้ไช่เหนียวยังจะเพิ่มพื้นที่คลังเก็บสินค้าระหว่างประเทศขึ้นอีก 2 เท่า ให้กลายเป็น 2 ล้านตารางเมตร โดยพื้นที่คลังสินค้าที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการทำงานร่วมกับพันธมิตรด้านการเดินพิธีการทางศุลกากรมากกว่า 30 รายอย่างใกล้ชิด จะช่วยให้สามารถนำสินค้าเข้ามาในจีนได้รวดเร็วขึ้น โดยในแต่ละวันมีพัสดุที่ใช้บริการนำเข้าของไช่เหนียวมากถึง 30 ล้านชิ้น

นอกจากนี้การขยายคลังสินค้ายังทำให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในจีนมีพื้นที่จัดเก็บสินค้าส่งออกล่วงหน้าเพิ่มขึ้น ทำให้สามารถจัดส่งสินค้าตามคำสั่งซื้อได้เร็วขึ้น ซึ่งในอนาคตไช่เหนียวคาดว่าจะสามารถส่งสินค้า90% จากจีนไปยังกว่า 100 เมืองทั่วโลกได้ภายใน 72 ชั่วโมง

ในระหว่างงานประชุมอุตสาหกรรมประจำปีของไช่เหนียวที่จัดขึ้นผ่านออนไลน์เป็นครั้งแรก นายว่าน หลิน ประธานกรรมการกล่าวว่าโลจิกติกส์ไม่ใช่เรื่องสำคัญรองๆ อีกแล้ว แต่กลายเป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของโลกปัจจุบัน

นายว่าน กล่าวเสริมว่า “ทุกวันนี้ โลจิสติกส์กลายเป็นตัวแปรที่พลิกเกม และมีความสำคัญในการสร้างความแตกต่างของธุรกิจกับคู่แข่ง การลงทุนของไช่เหนียวจะสร้างเครือข่ายสมาร์ทโลจิสติกส์ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงการยกระดับเส้นทางขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ และองค์ประกอบด้านคลังสินค้าอื่นๆ ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยพิ่มประสิทธิภาพให้ธุรกิจ ลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มความโปร่งใส่รวมทั้งความแม่นยำในการบริหารจัดการซัพพลายเชนของลูกค้า”

แดเนียล จาง ประธานกรรมการและซีอีโอ ของอาลีบาบา กรุ๊ป ได้เข้าร่วมในงานประชุมประจำปีนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งเขาได้ถือโอกาสนี้แสดงความขอบคุณพันธมิตรในอุตสาหกรรม ที่ได้ร่วมมืออย่างเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการรับมือโรคโควิด-19

โดยนับตั้งแต่ต้นปี พันธมิตรโลจิกติกส์มากกว่า 50 รายได้ลงนามสนับสนุนโครงการ Green Channel ของไช่เหนียว ซึ่งจะจัดส่งอุปกรณ์การแพทย์และชุดป้องกันที่ได้รับบริจาคให้กับบุคลากรสาธารณสุขที่ทำงานในแนวหน้า โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ซึ่งจนถึงปัจจุบัน ไช่เหนียวและพันธมิตรจากหลายประเทศ เช่น สหรัฐ ออสเตรเลีย เดนมาร์ก ตุรกี และเกาหลีใต้ ได้จัดส่งอุปกรณ์ที่จำเป็นไปยังประเทศในภูมิภาคต่างๆ แล้วมากกว่า 50 ประเทศ ซึ่งใช้เที่ยวบินมากกว่า 200 เที่ยวทั่วโลกในการขนส่งภายใต้โครงการนี้

เสริมการส่งสินค้าถึงปลายทางแบบดิจิทัล

เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการส่งสินค้าแบบถึงปลายทาง หรือ Last Mile ไช่เหนียวยังมีแผนที่จะเปิดสาขาของไช่เหนียวโพสต์ เพิ่มอีก 30,000 สาขาใน 100 เมืองทั่วประเทศจีน ซึ่งจะตั้งอยู่ในแหล่งชุมชนและมหาวิทยาลัย ไช่เหนียวโพสต์ได้ติดตั้งเทคโนโลยีชั้นนำของอาลีบาบาเพื่อให้บริการรับ-ส่งไปรษณีย์และพัสดุแบบไม่ต้องสัมผัสตัว รวมถึงการสร้างใบส่งสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้ลูกค้าสามารถติดตามพัสดุได้แบบเรียลไทม์ และการพัฒนายานพาหนะไร้คนขับเพื่อจัดส่งพัสดุให้ผู้รับถึงหน้าบ้าน จากแผนงานดังกล่าวทำให้ไช่เหนียวประกาศรับสมัครผู้จัดการประจำสาขาใหม่หลายตำแหน่ง โดยมีผู้ให้ความสนใจสมัครเข้ามามากกว่า 100 ล้านคนจากทั่วประเทศจีน

 

 

ในปีนี้ ไช่เหนียวยังปรับรูปแบบของไช่เหนียวโพสต์หลายสาขาให้กลายเป็นคอมมิวนิตี้ฮับที่ไม่ได้ให้บริการเฉพาะพื้นที่จัดเก็บและส่งพัสดุเท่านั้น แต่ยังมีบริการซักรีดและจัดส่งถึงบ้าน รวมทั้งการซื้อสินค้าแบบรวมกลุ่ม เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถรวมกันซื้อสินค้าของใช้ในชีวิตประจำวันจากผู้ค้าปลีก เช่น RT-Mart ได้ในราคาส่ง ซึ่งบริการเหล่านี้ได้เปิดนำร่องแล้วในหลายเมืองทั่วประเทศจีน รวมถึงซูโจว และเฉิงตู

“เราเห็นโอกาสมากมายจากนวัตกรรมส่งสินค้าแบบ Last Mile นับตั้งแต่การบริหารและจัดการคลังสินค้า ไปจนถึงรูปแบบการจัดส่ง รวมทั้งบริการเสริมอื่นๆ ซึ่งจะสร้างชุมชนแบบดิจิทัลอย่างแท้จริง และมอบความสะดวกและปลอดภัยให้กับลูกค้ามากขึ้น” นายว่าน กล่าว

แดเนียล จาง โควิด-19 โลจิสติกส์ ไช่เหนียว