แดเนียล จาง เผยการประสานความร่วมมือระหว่างแพลตฟอร์ม คือกุญแจของความสำเร็จด้านความยั่งยืนขององค์กร

แดเนียล จาง ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ อาลีบาบา กรุ๊ป

แดเนียล จาง ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอของอาลีบาบา กรุ๊ป เรียกร้องให้อีโคซิสเท็มทั้งหมดของบริษัทสร้างความร่วมมือกับลูกค้าและผู้ขายมากขึ้น เพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืนหรือ ESG ในอุตสาหกรรมนี้ร่วมกัน คำกล่าวดังกล่าวมาจากงาน Global Summit ที่จัดผ่านระบบออนไลน์ โดยเป็นงานชั้นนำประจำปีของ Consumer Goods Forum (CGF) ซึ่งเป็นเครือข่ายที่นำโดยซีอีโอจากบริษัทค้าปลีก ผู้ผลิต และผู้ให้บริการราว 400 บริษัททั่วโลก

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา CGF ได้ประกาศแต่งตั้งใ้ห้แดเนียลดำรงตำแหน่งประธานร่วมของคณะกรรมการอำนวยการ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ผู้บริหารเชื้อสายจีนจากบริษัทระดับโลกได้ขึ้นเป็นประธานของ CGF แดเนียลจะทำงานด้านบริหารในตำแหน่งนี้ซึ่งมีวาระ 2 ปี เพื่อแสดงให้ผู้บริโภค พนักงาน และนักลงทุน ได้เห็นว่าสมาชิกของ CGF เอาจริงเอาจังกับประเด็นเร่งด่วนต่างๆ เช่น เรื่องความยั่งยืน เป็นต้น

“ESG เป็นส่วนหนึ่งของความรับผิดชอบต่อสังคม เราต้องการยกระดับการทำงานด้านนี้ให้กับพันธมิตรจากแบรนด์ต่างๆ เพื่อเดินไปสู่เป้าหมายร่วมกัน” แดเนียล กล่าว

อาลีบาบากำลังหาแนวทางจูงใจให้ผู้ขายจากทุกแพลตฟอร์มของบริษัท รวมถึงผู้บริโภคที่ใช้งานแพลตฟอร์มเป็นประจำมากกว่า 1 พันล้านคน มาร่วมมือกันเพื่อต่อสู้กับภาวะโลกร้อน

แดเนียล จาง กล่าวผ่านระบบทางไกลในงาน Consumer Goods Forum

อาลีบาบาได้นำเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้อย่างต่อเนื่องเพื่อทำให้แพลตฟอร์มของบริษัทมีความเป็นมิตรกับต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น การลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ลงอย่างมากของอาลีบาบาในช่วงมหกรรมช้อปปิ้งกลางปีที่ผ่านมา นับเป็นหนึ่งในความพยามของแพลตฟอร์มที่จะลดคาร์บอนให้เป็นศูนย์ อาลีบาบากล่าวว่าการสร้างคาร์บอนต่อ 1 คำสั่งซื้อในช่วงมหกรรมช้อปปิ้งกลางปี หรือที่ผู้บริโภครู้จักในชื่อ 6.18 นั้น มีอัตราลดลง 18% ต่อวัน เมื่อเทียบกับงานในปีก่อนหน้า การปรับตัวครั้งใหญ่ในด้านสิ่งแวดล้อมของงาน 6.18 ยังเป็นผลมาจากการอัปเกรดหนึ่งในอัลกอริธึ่มของงาน เพื่อทำให้การช้อปปิ้งในอีโคซิสเท็มของอาลีบาบามีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอย่างทีมอลล์และเถาเป่า

การลดคาร์บอนในงาน 6.18 ส่วนหนึ่งยังเกิดจากการปรับบรรจุภัณฑ์ในการขนส่ง ซึ่งในแต่ละวันมีปริมาณการใช้กล่องมากกว่า 100 ล้านใบ ดังนั้นบริษัทจึงรณรงค์ให้ผู้ขายเข้าร่วมด้วยการใช้กล่องบรรจุภัณฑ์รีไซเคิลและเน้นหนักในช่วงมหกรรมช้อปปิ้ง ทำให้จากสถิติของเครือข่ายโลจิสติกส์และขนส่งของอาลีบาบาพบว่า บรรจุภัณฑ์ที่ส่งออกจากคลังของไช่เหนียวในปี 2564 เกือบ 100% เป็นบรรจุภัณฑ์แบบย่อยสลายได้ทางชีวภาพ นอกจากนี้ เพื่อจูงใจให้ผู้บริโภคในจีนปรับเปลี่ยนพฤติกรรม อาลีบาบายังสร้างศูนย์รับพัสดุมากกว่า 100,000 แห่งทั่วประเทศในปีนี้ ซึ่งมีความพิเศษคือผู้ซื้อสามารถมารับสินค้าที่สั่งซื้อออนไลน์ได้ ในขณะเดียวกันก็สามารถนำกล่องกระดาษมาทิ้งที่จุดรับรีไซเคิลได้ด้วย

อาลีบาบายังมีแผนที่จะแบ่งปันเทคโนโลยีด้านประสิทธิภาพด้านพลังงานให้กับลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อสนับสนุนการต่อสู้กับภาวะโลกร้อน แดเนียลย้ำว่าปัจจัยต่างๆ เช่น การมีส่วนร่วมและการมีปฏิสัมพันธ์ เป็นสิ่งสำคัญที่จะปลดล็อคแนวทางใหม่ๆ ให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของบริษัท ในการเข้ามาทำงานร่วมกันเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อม

นอกจากจะให้ความสำคัญกับเรื่องความยั่งยืนแล้ว แดเนียลยังเสริมว่าโรคระบาดที่เกิดขึ้นเป็นตัวเร่งการพัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ๆ และการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้บริโภคกับแบรนด์ แดเนียลมองว่าในอนาคตจะมีแบรนด์ใหม่ๆ เกิดขึ้นเพื่อตอบรับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป และมองว่าโมเดลธุรกิจแบบ Direct-to-consumer (D2C) จะได้รับความสำคัญเป็นอันดับแรก เนื่องจากธุรกิจจะมีความยืดหยุ่นและคล่องตัวมากขึ้น

“ผมเชื่อว่าเทรนด์เหล่านี้จะเกิดขึ้นในทุกประเทศทั่วโลก แต่เห็นได้ชัดว่าตลาดจีนถือเป็นผู้นำเทรนด์และก้าวไปเร็วมาก โดยเฉพาะในด้านการพัฒนาแบรนด์ใหม่ๆ และโมเดลแบบ D2C” แดเนียล กล่าว

 

6.18 ESG ความยั่งยืน อีเอสจี แดเนียล จาง ไช่เหนียว