อาลีบาบา อีโคซิสเท็ม ปั้นระบบปฏิบัติการธุรกิจ ABOS เปิดประตูสู่โลกดิจิทัลแห่งอนาคตให้กับแบรนด์ทั่วโลก
อาลีบาบา อีโคซิสเท็ม ปั้นระบบปฏิบัติการธุรกิจ ABOS เปิดประตูสู่โลกดิจิทัลแห่งอนาคตให้กับแบรนด์ทั่วโลก
นายแดเนียล จาง ประธานกรรมการและซีอีโอของอาลีบาบา กรุ๊ป กล่าวว่า หนึ่งในความท้าทายที่ยากที่สุดที่ผู้นำทางธุรกิจในยุคหน้าต้องเจอ คือการปรับธุรกิจให้ทันกับเศรษฐกิจดิจิทัลที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปแบบก้าวกระโดด
นายแดเนียล กล่าวในงานประชุมผู้ถือหุ้นครั้งล่าสุดว่า มีอยู่สองเรื่องที่อาลีบาบากำลังให้ความสำคัญในขณะนี้ คือการช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถปรับเปลี่ยนแนวคิดการดำเนินงานให้เหมาะสมกับยุคดิจิทัล และการเปิดรับแนวคิดเรื่อง “องค์กรแบบใหม่” หรือ new organization เพราะสองเรื่องนี้จะช่วยเร่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัล และสร้างการเติบโตให้กับบริษัทต่างๆ ในยุคนี้
นายแดเนียล กล่าวเสริมว่า “ผู้นำองค์กรไม่ได้มีหน้าที่เพียงผลักดันนวัตกรรมในแง่ของสร้างสินค้าใหม่ๆ เท่านั้น แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือการทำให้นวัตกรรมเข้าไปอยู่ในทุกส่วนของการดำเนินงาน กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ผู้นำที่ดีต้องสร้างองค์กรที่คิดพัฒนาสิ่งใหม่ๆ ในทุกส่วน”
เพื่อช่วยให้บริษัทต่างๆ บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว อาลีบาบาจึงได้พัฒนาระบบปฏิบัติการทางธุรกิจอาลีบาบา หรือ Alibaba Business Operating System (ABOS) ขึ้น ซึ่งนำเสนอเครื่องมือทั้งหมดบนอาลีบาบา อีโคซิสเท็ม ให้กับแบรนด์พาร์ทเนอร์ นอกจากนี้ ABOS ยังช่วยเสริมการใช้งานโปรแกรม A100 ซึ่งเป็นแพ็คเกจสำหรับแบรนด์ที่ต้องการเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัลได้เร็วขึ้นด้วยบริการที่ครอบคลุมและออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับแต่ละบริษัท โปรแกรม A100 ได้เปิดตัวขึ้นในเดือนมกราคม 2562 และที่ผ่านมามี แบรนด์พาร์ทเนอร์เข้าร่วมแล้วหลายราย เช่น สตาร์บัคส์ และเนสท์เล่ ในโปรแกรมนี้ อาลีบาบามีทีมที่ทำงานประสานกันหลายฝ่ายในการช่วยเหลือแบรนด์พาร์ทเนอร์ด้านการปรับปรุงการดำเนินงานในจีน และให้คำปรึกษาในการเลือกใช้เครื่องมือที่ตอบโจทย์ความต้องการของแบรนด์ โดย A100 สามารถรองรับแบรนด์จากหลากหลายธุรกิจ อาทิ ค้าปลีก การตลาดดิจิทัล การบริหารจัดการกระบวนการทำงาน เทคโนโลยีการเงิน ลอจิสติกส์ คลาวด์คอมพิวติ้ง หรือบริการแบบออนดีมานด์ในแต่ละท้องถิ่น เป็นต้น
นายคุน เหริน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสารสนเทศของ ลิบี้ (Liby) ซึ่งเป็นแบรนด์ผงซักฟอกในจีน และเป็นหนึ่งในแบรนด์แรกๆ ที่เข้าร่วมโปรแกรม A100 เปิดเผยว่าบริษัทฯ ได้ร่วมกับแอปพลิเคชันแชท DingTalk ของอาลีบาบาในการยกระดับการสื่อสารภายในองค์กรให้ดีขึ้น โดยบริษัทฯ ใช้ DingTalk เวอร์ชั่นที่ออกแบบมาสำหรับลิบี้โดยเฉพาะ ในการสื่อสารไปยังพนักงานแนะนำสินค้าในร้าน พนักงานขาย ผู้แทนจำหน่าย และคนขับรถ ที่มีหลายหมื่นคนทั่วประเทศ ทำให้ปัจจุบันผู้จัดการฝ่ายขายสามารถถ่ายทอดข่าวสารจากสำนักงานใหญ่ไปยังกลุ่มคนเหล่านี้ในแต่ละภูมิภาคได้ผ่านรูปแบบไลฟ์สตรีม ต่างจากเดิมที่ต้องใช้เวลาหลายเดือนในการส่งผ่านข้อความจากฝ่ายขายของสำนักงานใหญ่ในกวางโจวไปยังทุกคน โดยผู้จัดการบางคนมีการใช้ฟีเจอร์ไลฟ์สตรีมใน DingTalk ถึง 6 ครั้งต่อวัน
นายคุน กล่าวเสริมว่า “เราไม่ได้มอง DingTalk เป็นแค่เครื่องมือหนึ่ง แต่มองว่าเป็นการยกระดับการทำงานร่วมกันกับทุกส่วนของธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น”
นายคุน ยังกล่าวถึงฟีเจอร์สมาร์ทลอจิสติกส์ที่ช่วยในเรื่องการปฏิบัติงานของลิบี้ โดยเมื่อบริษัทได้รับคำสั่งซื้อ ฟีเจอร์ดังกล่าวจะสร้างกลุ่มแชทออนไลน์ขึ้นอัตโนมัติ โดยจะดึงผู้ที่เกี่ยวข้องในทุกขั้นตอนการขนส่งเข้ามาในกลุ่ม เช่น ผู้แทนจำหน่าย พนักงานส่งของ คนขับรถ และผู้ให้บริการคลังสินค้า เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถโต้ตอบกับลูกค้าได้หากมีปัญหาเกิดขึ้น คนขับรถยังสามารถยืนยันการจัดส่งผ่านโทรศัพท์มือถือของตนเองแทนการใช้ใบเสร็จรับเงินแบบกระดาษที่อาจต้องใช้เวลาหลายเดือนในการออกใบเสร็จ
โปรแกรม A100 เป็นหนึ่งในความคิดริเริ่มของอาลีบาบาในการนำโซลูชั่นส์ระบบปฏิบัติการต่างๆ มารวมไว้ในแพคเกจเดียวอย่างครบครัน เพื่อให้แบรนด์พาร์ทเนอร์สามารถเลือกใช้ประโยชน์จากเครื่องมือต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ตัวอย่างเช่น เชนร้านแว่นตาเบ๋าเต่า ออพติคัล (Baodao Optical) ใช้ระบบปฏิบัติการธุรกิจอาลีบาบาเพื่อก้าวเข้าสู่ดิจิทัล โดยเชื่อมต่อร้านสาขาดั้งเดิมเข้ากับร้านค้าออนไลน์ Formosa ทำให้ปัจจุบันร้านสาขาของเบ๋าเต่า 1,200 แห่งในจีนสามารถรองรับการขายผ่านออนไลน์ได้ โดยลูกค้าสามารถสั่งแว่นตาแบบออนไลน์บนทีมอลล์ แล้วไปลองแว่นตาและรับสินค้าได้ที่ร้านสาขา อีกทั้งยังสามารถนำคูปองส่วนลดที่ได้จากการหน้าเว็บไปใช้ซื้อสินค้าที่ร้านสาขาได้ นอกจากนี้เบ๋าเต่ายังเป็นแบรนด์แรกๆ ที่นำร่องในการใช้ทีมอลล์แบบอัพเกรด หรือ ทีมอลล์ 2.0 ทำให้สามารถนำร้านค้าสาขาแบบดั้งเดิมเข้ามาอยู่ในโลกออนไลน์ผ่านเถาเป่า โมบาย และชำระเงินอย่างสะดวกผ่านอาลีเพย์
ระบบปฏิบัติการธุรกิจอาลีบาบายังจูงใจให้พนักงานของเบ๋าเต่าเกิดความพยายามที่จะให้บริการที่ดีขึ้นแก่ลูกค้า โดยร้านค้าสาขากว่า 5,000 แห่งและผู้แทนจำหน่ายกว่า 2,000 ราย มีการใช้ฟีเจอร์ร้านค้าอัจฉริยะบน DingTalk เมื่อร้านค้าและผู้แทนจำหน่ายเหล่านั้นขายสินค้าได้ ก็จะได้ค่าคอมมิชชั่นถึง 3-10% นอกจากนี้ ผู้บริโภคยังสามารถแสกน QR โค้ด เพิ่มพนักงานของร้านให้กลายเป็นผู้ช่วยช้อปปิ้งส่วนตัวได้ ฟีเจอร์นี้ทำให้พนักงานขายสามารถรักษาปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าได้ผ่านช่องทางออนไลน์ และส่งต่อสินค้าแนะนำ ข้อดีของสินค้า และส่วนลดต่างๆ ได้
เบ๋าเต่ายังสามารถใช้ข้อมูลเชิงลึกจากโปรแกรมวิเคราะห์คำค้นหาบนทีมอลล์ เพื่อประเมินว่าสินค้าใดที่มีแนวโน้มจะได้รับความนิยม เพื่อนำไปปรับระบบซัพพลายเชนและพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค การใช้ ABOS ทำให้ระยะเวลาในการออกสินค้าใหม่ของเบ๋าเต่าสั้นลง จากเดิมขั้นตอนการออกแบบและนำสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดต้องใช้เวลา 6 เดือนถึง 1 ปี ในการ แต่ปัจจุบันบริษัท สามารถเปิดตัวสินค้าใหม่ได้ภายใน 2 เดือน ด้วยการใช้ประโยชน์จาก ABOS
นายแดเนียล กล่าวว่า ผู้บริโภคในยุคนี้คุ้นเคยกับโลกดิจิทัลเป็นอย่างสูงและเข้าถึงสื่อออนไลน์ตลอดเวลา ปัจจัยที่ทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้คือรูปแบบระบบปฏิบัติการที่เข้าถึงพฤติกรรมของผู้ใช้ ไม่ใช่ตัวแบรนด์หรือสินค้าเหมือนในอดีต ABOS จึงเป็นเครื่องมือที่ทำให้เกิดโอกาสใหม่ๆ มากมาย
สำหรับนายแดเนียล การตัดสินใจซื้อสินค้าของผู้บริโภคไม่ใช่จุดสิ้นสุด แต่เป็นจุดเริ่มต้นให้เกิดปฏิสัมพันธ์ดิจิทัลกับลูกค้ารายนั้นต่อไปในอนาคต กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ในยุคนี้ “จุดเริ่มต้นในการสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า เริ่มขึ้นหลังจากลูกค้าจ่ายเงิน”
“ประเด็นที่ธุรกิจควรให้ความสนใจตอนนี้ ไม่ได้อยู่ที่เรื่องขอบเขตระหว่างออนไลน์กับออฟไลน์ หรือธุรกิจแบบดั้งเดิมหรือสมัยใหม่ แต่สิ่งสำคัญคือระบบปฏิบัติการธุรกิจของคุณเป็นดิจิทัลหรือยัง” นายแดเนียล กล่าวสรุป
แชร์
ก๊อปปี้ลิ้งค์