อาลีบาบาเผย 5 เคล็ดลับ ร่วมกับแบรนด์ที่ช่วยให้งาน 11.11 มีความยั่งยืนมากขึ้น
ในเวลาเพียง 13 ปี มหกรรมช้อปปิ้งระดับโลก 11.11 ของอาลีบาบา กรุ๊ป พัฒนามาจากแคมเปญลดราคาเล็กๆ เพื่อโปรโมตธุรกิจอีคอมเมิร์ซของจีน จนมาเป็นเทศกาลลดราคาที่ใหญ่ที่สุดในโลก
อีกทั้งกลายเป็นเทศกาลที่แบรนด์และรีเทลเลอร์ต่างๆ ได้ทดลองตลาดสินค้านวัตกรรมไปยังตลาดจีนที่มีความต้องการสินค้าใหม่อยู่ตลอดเวลา ทำให้แบรนด์ต้องเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
จึงเป็นที่มาของ Tmall Innovation Center (TMIC) ซึ่งก่อตั้งโดยอาลีบาบา ที่พาร์ทเนอร์กับแบรนด์ต่างชาติ เพื่อพัฒนาสินค้าสำหรับตลาดจีนโดยเฉพาะ TMIC เปิดตัวเมื่อปี 2560 ได้ร่วมงานกับบริษัทกว่า 150 แห่ง โดยสามเดือนก่อนหน้าที่เทศกาล 11.11 TMIC ช่วยแบรนด์ 2,000 แบรนด์ ทดสอบและปรับปรุงสินค้ามากกว่า 50,000 ชิ้น เพื่อตอกย้ำเรื่องประเด็นความยั่งยืน ซึ่งเป็นธีมหลักในปีนี้ มารู้จักนวัตกรรมรักษ์โลกทั้ง 5 ที่ร่วมสร้างขึ้นโดย TMC และแบรนด์ในงาน 11.11
1. การรีไซเคิล
Sense Café แบรนด์กาแฟพรีเมียมในเครือ Nestlé ร่วมกับเครือข่ายไช่เหนียวของและอาลีเพย์ของอาลีบาบา ริเริ่มโครงการรีไซเคิล เพื่อเปิดตัวกาแฟรุ่นใหม่ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดย Nestlé รณรงค์ให้ลูกค้าสแกน QR โค้ด เพื่อให้ไปรับบรรจุภัณฑ์ รีไซเคิลถึงหน้าประตูบ้าน โดยลูกค้าจะได้รับแต้มสะสม ซึ่งนำมาใช้แลกเป็นของขวัญและคูปองลดราคาในภายหลังบรรจุภัณฑ์ของแบรนด์ Sense Café มีความเบา ไม่ใช้พลาสติก และทำมาจากต้นไม้ที่มีอายุมากแล้ว
2. แพ็คเกจจิ้งรักษ์โลก
เมื่อเดือนที่แล้ว Philips บริษัทเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพสัญชาติดัทช์ เปิดตัวสินค้าเครื่องทำความสะอาดฟันไฟฟ้าพกพา บนทีมอลล์ สินค้าเครื่องทำความสะอาดฟัน C2B รุ่นแรกที่ออกแบบสำหรับตลาดจีนโดยเฉพาะ
Philips อ้างอิงข้อมูลจาก TMIC เพื่อสำรวจโอกาสทางตลาดของเครื่องทำความสะอาดฟันไฟฟ้า และคิดช่วงราคาและกลยุทธ์การตลาดที่เหมาะสม ข้อมูลผู้บริโภคช่วยให้แบรนด์รู้จักและเข้าใจความต้องการของกลุ่มลูกค้า ซึ่งได้แก่พนักงานออฟฟิศในเมืองใหญ่ที่กำลังมองหาเครื่องขัดฟันไฟฟ้า ที่หาซื้อได้ยากตามท้องตลาก
เครื่องขัดฟันไฟฟ้าเป็นหนึ่งในสินค้าตัวแรกๆ ที่ใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำมาจากกระดาษรีไซเคิล พลาสติกที่ย่อยสลายทางชีวภาพ และที่ห่อสินค้าที่ไม่ได้ทำจากพลากสติก แพ็คเกจจิ้งถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ด้านการขนส่ง ทำให้แบรนด์เลี่ยงปัญหาการแพ็คสินค้าใหม่ที่คลังสินค้า และยังเป็นการลดขยะพลาสติก
3. อาหารมังสวิรัติ
ประชากรจีนบริโภคเนื้อเป็นปริมาณเกือบ 1 ใน 3 ของประชากรโลก ผู้บริโภครุ่นใหม่หันมารับประทานอาหาร plant-based ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเท่ากับอาหารที่ทำมาจากเนื้อสัตว์ จึงเกิดเป็นเทรนด์บริโภคเครื่องดื่ม plant-based โดยยอดขายสินค้าประเภทนี้บนมาร์เก็ตเพลสของอาลีบาบาสูงขึ้นถึง 9 เท่า ในปี 2563 อ้างอิงข้อมูลจาก TMIC
Oatly แบรนด์นมข้าวโอ๊ตสัญชาติสวีเดนจึงโด่งดั่งขึ้นมา หลังจากร่วมกับ TMIC เปิดตัวสินค้าที่ทำจากข้าวโอ๊ตในตลาดจีน แบรนด์ Oatly อาศัยเทคโนโลยีเครื่องมือ AI ของ TMIC เพื่อศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคตั้งแต่เรื่องรสชาติและแพ็คเกจจิ้ง โดยมีการใช้การทดสอบเสมือนจริงในรูปแบบ A/B testing ผ่านแพลตฟอร์มของอาลีบาบา ผลตอบรับรีลไทม์จากลูกค้าออนไลน์ช่วยตัดสินว่าราคาขายควรเป็นเท่าไหร่ และข้อความประเภทไหนที่ดึงดูดใจลูกค้าได้ที่สุด
กรณีตัวอย่าง เช่น ผู้บริโภคต้องการทั้งไอศกรีมที่อร่อยและดีต่อสุขภาพ โดยมีคำค้นอย่าง “ไม่มีไขมันทรานส์” และ “สำหรับคนแพ้นมวัว”แบรนด์ Oatly จึงนำข้อมูลดังกล่าวมาปรับใช้ในกลยุทธ์การสื่อสาร
4. การใช้วัตถุดิบที่ยั่งยืน
ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทิมเบอร์แลนด์ได้เปิดตัวสนีกเกอร์รุ่น Solar Wave ที่ผลิตจากพลาสติกรีไซเคิล ชานอ้อย และวัสดุชีวภาพ ซึ่งขายได้หลายพันคู่หลังจากเริ่มวางจำหน่ายบนทีมอลล์
ด้วยการใช้แบบจำลองของ TMIC ในการทดสอบตลาด ทำให้ทิมเบอร์แลนด์ค้นพบว่ากลุ่มลูกค้าหลักของแบรนด์ยินดีจ่ายเงินซื้อรองเท้าที่สวมใส่สบาย มีความยั่งยืน และมีดีไซน์ที่ดูทันสมัยแบบคนรุ่นใหม่ ซึ่งทางแบรนด์ได้นำข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้มาใช้เป็นหลักในการพัฒนารองเท้าคอลเลคชั่น Solar Wave ที่ตอบโจทย์เหล่านั้นทุกข้อและมีจุดเด่นคือผลิตจากวัสดุซึ่งใช้ส่วนผสมที่ยั่งยืน
วีเอฟ คอร์ปปอเรชั่น บริษัทเสื้อผ้ายักษ์ใหญ่ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของทิมเบอร์แลนด์ ได้ทำงานเชิงพันธมิตรกับ TMIC ในหลายด้าน หนึ่งในนั้นคือ Dickies ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ของวีเอฟ ที่ได้พัฒนาเสื้อแจ็คเก็ตแบบเบสบอลโดยใช้ข้อมูลเชิงลึกจาก TMIC ตั้งแต่ก่อนเริ่มมหกรรม 11.11 โดยในเดือนแรกหลังจากเปิดตัว เสื้อแจ็คเก็ตดังกล่าวมียอดขายมากกว่า 1 ล้านหยวน และดึงดูดผู้บริโภคให้เข้ามาที่ร้านแฟลกชิปของ Dickies บนทีมอลล์ถึง 320,000 คน โรงงานดิจิทัลชุนฉี (Xunxi) ของอาลีบาบายังช่วยผลิตเสื้อรุ่นนี้ให้กับ Dickies อย่างรวดเร็ว ทำให้สามารถวางแผนการผลิตได้อย่างยืดหยุ่นตามดีมานด์ของผู้ซื้อได้แบบเรียลไทม์
5. สร้างขยะให้น้อยที่สุด
เพื่อช่วยลดปริมาณขยะ ผู้ผลิตสกินแคร์อย่างนีเวียจึงใช้กล่องบรรจุภัณฑ์ที่มีดีไซน์กะทัดรัด สำหรับครีมยกกระชับคอรุ่นใหม่ที่ผสม Q10 ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนกรกฎาคม
นีเวียพัฒนาผลิตภัณฑ์นี้โดยใช้ข้อมูลเชิงลึกจาก TMIC เช่นกัน ซึ่งได้วิจัยตลาดสกินแคร์สำหรับคอในจีนและพบว่ายังมีโอกาสสำหรับครีมทาคออีกมาก เห็นได้จากในปี 2563 ที่สินค้าในหมวดนี้มียอดขายเติบโตเป็นตัวเลข 3 หลักบนมาร์เก็ตเพลสของอาลีบาบา หลังจากเห็นโอกาสดังกล่าว นีเวียจึงได้ค้นหาสิ่งที่ยังเป็นปัญหาของผู้บริโภค เช่น กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยตอบว่าพวกเขากังวลเรื่องความแห้งกร้านและริ้วรอยบนคอ ที่เกิดจากการทำงานตลอดวัน การใช้มือถือเป็นเวลานาน และการนอนในท่าที่ผิดๆ
กลุ่มตัวอย่างมากกว่า 75% ในการวิจัยนี้ยังมองหาผลิตภัณฑ์ความงามที่มีฟีเจอร์นวดผ่อนคลาย นีเวียจึงออกแบบหลอดครีมที่มาพร้อมลูกกลิ้งนวดที่ปรับได้ รวมทั้งสอนวิธีการนวดและท่ายืดเหยียดคอแก่ผู้บริโภคอย่างละเอียด
แชร์
ก๊อปปี้ลิ้งค์