อาลีบาบาเปิดประสบการณ์การช้อปปิ้งสุดหรู พร้อมให้คุณได้ดื่มด่ำยิ่งขึ้นใน Metaverse
Tmall Luxury Pavilion เปิดโชว์รูมแบบบูทิกแห่งอนาคต สุดหรูหรา ในงานเลี้ยงเฉลิมฉลองครบรอบ 5 ปี
อาลีบาบา กรุ๊ป รุกตลาดสินค้าหรูหรา ขยายช่องทางการเชื่อมต่อระหว่างแบรนด์หรูกับนักช้อปชาวจีนสายเปย์ผู้หลงรักในสินค้าแบรนด์เนม ให้สามารถเชื่อมต่อกันได้ง่ายขึ้นผ่านประสบการณ์ดิจิทัลสุดล้ำบนเมทาเวิร์ส (Metaverse)
Tmall Luxury Pavilion แพลตฟอร์มช้อปปิ้งสุดหรูของอาลีบาบา ได้จัดงานเฉลิมฉลองครบรอบ 5 ปีไปเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ณ นครเซี่ยงไห้ โดยภายในงานได้ยกขบวนแบรนด์หรูมาไว้มากมาย อาทิ Richemont, Kering, LNMH และ OTB ถือได้ว่าเป็นโอกาสสุดพิเศษให้เหล่าไฮโซได้มาพบปะสังสรรค์ ลุ้นรับของรับรางวัล และแลกเปลี่ยนไอเดียเกี่ยวกับนวัตกรรมในวงการสินค้าหรูหรา
ภายในงานมีการจำลองโชว์รูมแบบบูทิกแห่งอนาคต โดยนางแบบ/นายแบบของแต่ละแบรนด์ได้โชว์การสวมใส่แว่นตา AR จากนั้นก็หยิบกระเป๋าดิจิทัลใบหรูไปใส่ลงในกล่องของขวัญ เล่นกับมาสคอตของแบรนด์ต่าง ๆ รวมถึงหยิบกวาง Burberry ตัวน้อยมาถือไว้ในมือ นอกจากนี้ พวกเขายังสามารถอ่านรายละเอียดสินค้าแต่ละชิ้นได้ง่าย ๆ เพียงแค่คลิ๊กที่ผลิตภัณฑ์ ก็จะมีหน้าต่างปรากฏขึ้นด้านหน้า
อีกหนึ่งไฮไลท์ของงานหนีไม่พ้น AR แฟชั่นโชว์ ที่ได้รับความร่วมมือจาก Vogue China และศิลปินมากมาย โดยผู้ชมบนแพลตฟอร์ม Tmall Luxury Pavilion สามารถโต้ตอบกับมาสคอตของแบรนด์ต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยหรือถ่ายรูปเซลฟี่กับพวกเขา นอกจากนี้ พิเศษเฉพาะเดือนกันยายนเท่านั้น สาวกแฟชั่นยังสามารถขอรับ Meta Pass เข้าสู่เมทาเวิร์สของอาลีบาบาได้ฟรี โดยบัตรผ่านนี้จะให้สิทธิ์ในการเข้าถึงบริการต่าง ๆ แก่ผู้ถือ เช่น สิทธิ์การซื้อผลิตภัณฑ์ก่อน และการเข้าร่วมกิจกรรมแบบออฟไลน์ของแบรนด์ต่าง ๆ
อีกหนึ่งความพิเศษจากแพ็คเกจ Meta Pass คือ ใบสำคัญแสดงสิทธิดิจิทัล ที่ได้รับการรับรองบนบล็อคเชน ลูกค้าสามารถนำใบสำคัญแสดงสิทธิดิจิทัลเหล่านี้มาแลกกับสินค้ารุ่นลิมิเตทได้ อาทิ สโนว์บอร์ดรุ่นครบรอบ 90 ปี ของแบรนด์ Bogner, เสื้อสเวตเตอร์แบบโอเวอร์ไซส์สำหรับฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว 2022 ของ Max Mara, กระเป๋า Lola รุ่นซิกเนอเจอร์ของ Burberry และรองเท้าผ้าใบ Pablo บุขนแกะของ Marni
นับตั้งแต่เทศกาล 11.11 (เทศกาลชอปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดในจีน) เมื่อปีที่แล้ว แบรนด์หรู 21 แบรนด์ก็ได้เปิดตัวดิจิทัลคอลเลคชันกว่า 37 รายการบนแพลตฟอร์ม Tmall Luxury Pavilion โดยมีลูกค้า 3,500 รายอ้างสิทธิ์ครอบครองดิจิทัลคอลเลกชันเหล่านี้ ยิ่งไปกว่านั้น เกือบ 70% ของบรรดาสาวกเทคโนโลยีแนวหน้าเป็นเพศชาย ขณะที่ครึ่งหนึ่งของลูกค้ากลุ่มนี้มีอายุต่ำกว่า 30 ปี และส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเมืองชั้นหนึ่งและชั้นสองของจีน
ผู้นำร่อง
ต้องยอมรับว่าผู้บริโภคชาวจีนและแพลตฟอร์มต่าง ๆ ได้นำเทคโนโลยีเมทาเวิร์สมาใช้ในธุรกิจอย่างหลากหลาย และยังออกแบบให้มีลักษณะเหมือนมนุษย์มากที่สุด เช่น ‘ตง ตง’ (Dong Dong) อวาตาร์จาก DAMO Academy ซึ่งแตกต่างจากของประเทศฝั่งตะวันตกที่มักจะออกแบบมาให้มีลักษณะคล้ายการ์ตูนและดูอุ้ยอ้าย
“ก่อนที่คำว่า เมทาเวิร์ส จะกลายเป็นคำศัพท์ใหม่ที่ถูกบัญญัติในพจนานุกรม เราก็ได้เปลี่ยนคำคำนี้ ให้กลายเป็นจริงในวงการการค้าไปแล้วค่ะ” เจเนท หวัง หัวหน้าแผนกสินค้าหรูหราของอาลีบาบา ผู้มีประสบการณ์ในอาลีบาบามาอย่างยาวนาน และยังเป็นอดีตหัวหน้าฝ่ายธุรกิจออนไลน์ของ Zara ยักษ์ใหญ่แห่งวงการแฟชั่นค้าปลีกในเอเชียแปซิฟิก กล่าว “โลกดิจิทัลสามารถมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งและเอกลักษณ์ของแบรนด์หรูให้แก่ลูกค้าได้ไม่ต่างจากโลกออฟไลน์ หรืออาจจะดีกว่าเสียด้วยซ้ำ”
เจเนท หวัง ตัวแทนจาก Tmall Luxury Pavilion ได้กล่าวสุนทรพจน์ต่อหน้าแขกผู้มีเกียรติจากแวดวงอุตสาหกรรมชั้นสูงจากนครเซี่ยงไห้
ในโลกที่ภาพนิ่งบนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซกลายเป็นเสมือนหมวกที่ล้าสมัย การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลได้เพิ่มความเป็นส่วนตัว และทำให้ผู้บริโภคได้ทดลองสวมใส่ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกา เครื่องประดับ หรือรองเท้า ผ่านเทคโนโลยี AR ได้
แบรนด์หรูกว่า 20 แบรนด์ ได้เปิดตัวงานศิลปะดิจิทัลผ่าน Tmall Luxury Pavilion และจัดแสดงแฟชั่นโชว์เสมือนจริง ที่ลูกค้าสามารถเข้าไปร่วมชมงาน และสวมใส่สินค้าได้โดยการส่งอวาตาร์ของตัวเองเข้าไปในเมทาเวิร์สบนฟีเจอร์อวาตาร์ 3 มิติของ Taobao Life
อีกหนึ่งความยอดเยี่ยมสำหรับปีนี้ คือ บริการให้คำปรึกษาผ่านวิดีโอคอล จากแบรนด์ Cartier, Vacheron Constantin, Burberry และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งจะสตรีมมิ่งแบบตัวต่อตัวกับลูกค้าระดับวีไอพีเท่านั้น โดยมากกว่า 20 แบรนด์ได้มีการสตรีมมิ่งเพื่อทดลองนาฬิกา ตลอดจนให้บริการดิจิทัลอื่น ๆ บน Tmall Luxury Pavilion เช่น การปรับสายนาฬิกา การบำรุงรักษากระเป๋า หรือแม้กระทั่งการทำความสะอาดรองเท้า
พนักงานจากแบรนด์ Vacheron Constantin กำลังให้คำปรึกษาลูกค้าผ่านวิดิโอคอลบนแพลตฟอร์ม Tmall Luxury Pavilion
บน Tmall Luxury Pavilion ลูกค้าจะได้สัมผัสกับหน้าร้านดิจิทัลของแต่ละแบรนด์ที่ยังคงกลิ่นอายอันเป็นเอกลักษณ์ไว้ได้เป็นอย่างดี บนพื้นที่เสมือนจริงที่สามารถจับรายละเอียดต่าง ๆ ของเสื้อผ้าและเครื่องประดับหรูหราได้ครบถ้วน ขณะที่ในส่วนของแบ็คเอนด์ ร้านค้าต่าง ๆ ใช้ระบบที่เป็นกรรมสิทธิ์ของอาลีบาบา ในการดึงข้อมูลเชิงลึกจากทั้งระบบนิเวศน์มาใช้ประโยชน์ในการบริหารจัดการ
โดยรวม Tmall Luxury Pavilion ในปัจจุบันได้ถูกพัฒนาให้มีความแตกต่างจากเมื่อ 5 ปีที่แล้วอย่างมาก ตั้งแต่ประสบการณ์สุดล้ำที่ผู้บริโภคจะได้รับ ไปจนถึงแนวทางให้ความช่วยเหลือต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค
ปีที่ผ่านมา มีผู้บริโภคซื้อสินค้าบน Tmall Luxury Pavilion สูงกว่าปี 2019 ถึง 153% รวมปริมาณการทำธุรกรรมเพิ่มขึ้น 309% และหากนับตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้วมาจนถึงขณะนี้ มีผู้บริโภคไม่ต่ำกว่า 50 ล้านราย เข้าร่วมในกิจกรรมพิเศษต่าง ๆ บนแพลตฟอร์ม
แล้วใครบ้างล่ะ ที่ชอบซื้อของจาก Tmall Luxury Pavilion ? ข้อมูลล่าสุดเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา เปิดเผยว่า ผู้บริโภค 70% เป็นผู้หญิง โดยพวกเธอตัดสินใจซื้อสินค้าเฉลี่ยคนละไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง สร้างปริมาณธุรกรรมมากกว่าครึ่งหนึ่งของธุรกรรมทั้งหมดบนแพลตฟอร์ม นอกจากนี้ Tmall Luxury Pavilion ยังเป็นแพลตฟอร์มหนึ่งเดียวในประเทศจีนที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์จากบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกทั้ง 5 ราย ได้แก่ LVMH, Kering, Chanel, Richemont และ Hermès International
การซื้อสินค้าในช่วงการระบาดใหญ่
ต้องยอมรับว่า สองสามปีที่ผ่านมา คือยุคแห่งความยากลำบากสำหรับอุตสาหกรรมค้าปลีกทั่วโลก แต่การบริโภคออนไลน์ของนักช้อปชาวจีนผู้หลงใหลในสินค้าแบรนด์หรูก็ยังถือว่าค่อนข้างยืดหยุ่น
แม้ว่าการซื้อขายสินค้าหรูหราส่วนใหญ่จะยังคงเกิดขึ้นในร้านค้าปลีกแบบออฟไลน์ แต่การขยายช่องทางออนไลน์ และช่องทางอื่น ๆ ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็มีผลให้ปริมาณการเข้าถึงสินค้าหรูหราบนโลกออนไลน์ในจีนเพิ่มขึ้นเป็น 23% ในปี 2563 กระโดดมาจาก 12% ในปี 2562 สำหรับปีนี้ Tmall Luxury Pavilion ยังได้ให้การต้อนรับแบรนด์บ้านหรู อาทิ Bulgari, Moncler และ Brunello Cucinelli ซึ่งเริ่มมีการโปรโมทผลิตภัณฑ์บนแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่อง แม้จะอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยก็ตาม
“เราเห็นแบรนด์ต่าง ๆ ก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลได้อย่างรวดเร็ว ขณะที่ผู้บริโภคเองก็มีอัตราการบริโภคทางออนไลน์ที่สูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด” หวังกล่าว เธอสังเกตเห็นแนวโน้มการบริโภคในช่วงที่มีการระบาดใหญ่ เช่น การที่ผู้คนซื้อของขวัญเพื่อมอบให้บุคคลที่พวกเขารักมากขึ้น การซื้อของตกแต่งบ้าน และสิ่งของที่คงมูลค่ายาวนานอย่างนาฬิกาและเครื่องประดับ เป็นต้น
ปัจจุบัน Tmall Luxury Pavilion มีแบรนด์หรูมากกว่า 200 แบรนด์ เพิ่มจากเดิมที่มีอยู่ 150 แบรนด์ ในช่วงก่อนเกิดการระบาดใหญ่ และตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงปีนี้ ในขณะที่หลายเมืองของจีนถูกล็อกดาวน์เป็นระยะ ๆ กิจกรรมช้อปปิ้งและการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ กว่า 1,000 รายการ ได้ย้ายมาอยู่บนแพลตฟอร์มดิจิทัลแทน
“เราทุกคนต่างตระหนักถึงความสามารถทางดิจิทัลอันยอดเยี่ยม และความไวในการปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ของผู้บริโภคชาวจีน นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมวันนี้เราจึงพร้อมส่งมอบประสบการณ์แห่งเมตาเวิร์สให้แก่พวกเขา” หวังกล่าว
แชร์
ก๊อปปี้ลิ้งค์