อาลีบาบาผลักดันการพัฒนาระบบเทคโนโลยีช่วยเหลือสังคม

บริษัท อาลีบาบา ออกมาประกาศนโยบายความมุ่งมั่นที่จะอุทิศตนเพื่อการช่วยเหลือสังคมส่วนรวม โดยมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาระบบเทคโนโลยีและนวัตกรรมของบริษัท

นายเจฟ จาง ผู้อำนวยการด้านเทคโนโลยี อาลีบาบา กรุ๊ป และประธานบริษัท Alibaba Cloud Intelligence (บริษัทด้าน Cloud-computing และ Data IQ ของอาลีบาบา) ในฐานะประธานคณะกรรมการด้านเทคโนโลยีเพื่อการกุศล กล่าวว่า “การตัดสินใจของบริษัทที่จะมุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อสังคม ได้รับแรงบันดาลใจมาจากความเชื่อที่ว่า พลังที่แท้จริงของเทคโนโลยีและนวัตกรรมสามารถช่วยให้ประชาชนประสบความสำเร็จและสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ได้มากยิ่งขึ้น โดยหลังจากนี้อาลีบาบาจะให้ความสำคัญและส่งเสริมบทบาทของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อการกุศลให้มากขึ้น พร้อมเร่งสนับสนุนพนักงานทุกคนให้มีส่วนร่วมในการสร้างความดีเพื่อสังคมส่วนรวม”

“เรามีความสามารถด้านการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม และเราเชื่อว่าคุณค่าของวิศวกรเราไม่ได้มีอยู่เพียงแค่นั้น” นายจางกล่าว “ด้วยการใช้ประโยชน์จากความเข้าใจในธุรกิจและอุตสาหกรรมด้านการผลิตภัณฑ์ของเรา เราสามารถเป็นกำลังสำคัญหลักที่จะสร้างประโยชน์เพื่อสังคมส่วนรวมได้ โดยมุ่งเน้นไปที่การแก้ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดที่โลกกำลังเผชิญ อันได้แก่ ปัญหาการทำลายสิ่งแวดล้อม ความยากจน โรคระบาด และความไม่เท่าเทียม”

“ด้วยความสามารถทางด้านเทคนิคที่เราถนัด มาพร้อมกับหน้าที่และความรับผิดชอบต่อสังคมที่เพิ่มขึ้น ความหวังเดียวของเราที่จะบรรลุเป้าหมายในครั้งนี้ คือเราทุกคนต้องตระหนักถึงคุณค่าของความสามารถที่มี และหาวิธีที่จะแบ่งปันให้ผู้อื่นได้รับผลประโยชน์จากสิ่งที่เรากำลังทำอยู่” นายจางกล่าวเสริม

นายเจฟ จาง ผู้อำนวยการด้านเทคโนโลยี อาลีบาบา กรุ๊ป ประกาศเปิดตัวคณะกรรมการด้านเทคโนโลยีเพื่อการกุศล

คณะกรรมการชุดนี้ทำงานเพื่อสานต่อความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร โดยอาลีบาบาได้แบ่ง 0.3% ของรายได้ในทุกปี ให้แก่มูลนิธิสวัสดิการสาธารณะของอาลีบาบา ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2554 เพื่อสนับสนุนความพยายามในการส่งเสริมการดูแลด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม โดยมูลนิธิจะสนับสนุนให้พนักงานทุกคนมีจิตอาสา และมุ่งเน้นให้อุทิศเวลาอย่างน้อย 3 ชั่วโมงต่อปี ในการทำงานการกุศลเพื่อส่วนรวม ซึ่งตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงปัจจุบัน มีพนักงานของอาลีบาบาได้ร่วมกันทำงานการกุศลเพื่อส่วนรวมไปแล้วกว่า 483,000 ชั่วโมง

หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในปี 2551 ที่มณฑลเสฉวน ทีมงานของอาลีบาบาได้ร่วมมือกันพัฒนาระบบรับบริจาคเงินออนไลน์ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปสามารถร่วมกันระดมทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวในครั้งนั้นได้ และกลายมาเป็นแพลตฟอร์มการบริจาคที่ชื่อว่า “Ant Love” ของ Alipay ที่ปัจจุบันมีผู้ใช้งานมากกว่า 1 พันล้านคน และมียอดเงินบริจาคในกองทุนรวมสูงถึง 1.86 พันล้านหยวน (276 ล้านเหรียญสหรัฐ) เพื่อเป็นงบประมาณในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ นอกจากนี้อาลีบาบายังได้ร่วมสมทบทุนช่วยเหลือเพิ่มเติมอีก 25 ล้านหยวน เพื่อช่วยบูรณะฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัย จนถึงทุกวันนี้ ยังมี

พนักงานของบริษัทบางคนที่ยังคงปฏิบัติหน้าที่เป็นจิตอาสาในพื้นที่ ช่วยเหลือชาวบ้านในการซ่อมแซมและปรับปรุงอาคารภายในโรงเรียน อีกทั้งลงไปให้ความรู้แก่เกษตรกรในการเพิ่มยอดขาย ผ่านการใช้งานระบบ E-commerce อีกด้วย

นายแจ็ค หม่า ประธานกรรมการบริหาร อาลีบาบา กรุ๊ป ร่วมเป็นอาสาสมัครในมณฑลมณฑลเสฉวน หลังจากพื้นที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวในปี 2552

โครงการเพื่อการกุศลที่ริเริ่มโดยทีมวิศวกรได้กลายมาเป็นเสาหลัก และเป็นเสมือน “ห้องทดลองไร้ขอบเขต” (Barrier-Free Lab) ของบริษัท โดยในปี 2560 ทีมวิศวกรกว่า 50 ชีวิต ได้อุทิศเวลากว่า 1,000 ชั่วโมง ในการคิดค้นและได้เปิดตัวระบบการซื้อขายแบบ E-commerce ที่ให้กลุ่มลูกค้าผู้พิการด้านสายตา หรือมีปัญหาด้านการมองเห็น สามารถเข้าใช้งานได้ ทั้งยังมีระบบ Greencode ที่จะเป็นตัว matching ทีมวิศวกรจิตอาสา กับโครงการเพื่อการกุศลต่างๆ ที่ต้องการการสนับสนุนด้านเทคโนโลยี โดยในปัจจุบันมีวิศวกรผู้มีจิตอาสาลงทะเบียนใช้งานแล้วกว่า 4,400 คน และได้ให้การสนับสนุนโครงการการกุศลไปแล้วกว่า 210 แห่ง

หน่วยงานการกุศลต่างๆสามารถเข้ามาขอความช่วยเหลือด้านต่างๆ จากวิศวกรของอาลีบาบา ผ่านแพลตฟอร์ม“ Greencode” ของ Alibaba Cloud

Alibaba Cloud ยังขยายการผลักดันด้านความรับผิดชอบต่อสังคมในอีกหลายด้าน โดยเมื่อปีที่ผ่านมาได้ร่วมมือกับ Taobao ในการนำร่องโครงการศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเมืองที่กำลังพัฒนาอย่าง มณฑลกุ้ยโจว และ มณฑลเหอเป่ย ให้บริการด้านการศึกษาผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยให้อาจารย์ผู้สอนที่มีความชำนาญจากเมืองใหญ่ๆ สามารถใช้ปากกาและกระดาษอัจฉริยะในการสังเกตการเรียนการสอนภายในชั้นเรียน และยังสามารถพูดคุยโต้ตอบกับนักเรียนในแบบเรียลไทม์ได้อีกด้วย

นักเรียนในโรงเรียนมัธยมต้นหยินเจียง ในมณฑลกุ้ยโจว ใช้ปากกาและกระดาษอัจฉริยะ ซึ่งช่วยให้อาจารย์ผู้สอนที่อยู่ห่างไกลสามารถดูคำตอบและสื่อสารกับนักเรียนในชั้นเรียนได้ทันที

ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หน่วย Cloud-computing ได้เปิดตัวแนวคิดใหม่ๆ ที่เป็นการยกระดับการใช้เทคโนโลยีเพื่อประโยชน์ทางสังคม ใช้ชื่อว่า “Tech for Change” โดยได้ร่วมมือกับ iamtheCODE ในฐานะผู้ริเริ่มโครงการที่จะให้ความรู้ด้านการเขียนโปรแกรมทางคอมพิวเตอร์แก่สตรีและเด็กทั่วโลก ภายในปี 2573 รวมถึงฝึกอบรมการเข้าถึงระบบ Cloud ให้แก่นักเขียนโปรแกรมเพศหญิงในย่านชานเมืองโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย

นายจางกล่าวว่า “เราเริ่มต้นจากภารกิจเล็กๆ ในปี 2542 ที่ต้องการให้การทำธุรกิจนั้นเป็นเรื่องง่าย และในตอนนี้ได้กลายมาเป็นบริษัทระดับโลกที่มีบทบาทสำคัญด้านเศรษฐกิจดิจิทัล สิ่งที่เราภูมิใจที่สุดนั้นไม่ใช่ความสำเร็จทางด้านการเงินของเรา แต่มันคือความจริงที่ว่าพนักงานของเราทุกคนให้ความสำคัญกับผู้อื่นอย่างแท้จริง และนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาช่วยสร้างโลกใบนี้ให้สะดวกสบายและน่าอยู่ยิ่งขึ้น”

นโยบาย อาลีบาบา อุทิศตนเพื่อการช่วยเหลือสังคม